เพื่อชีวิต..ใคร???

วันศุกร์, ธันวาคม 02, 2548

เตือน‘ทักษิณ’ย้อนรอยนิการากัว

ผู้จัดการรายวัน - ถกผ่าทางตันประเทศไทยกรณี “สนธิ” นักวิชาการอัด “ทักษิณ” ยับ นัก กม.ระหว่างประเทศ เตือนไทยส่อย้อนรอยประวัติศาสตร์นิการากัว ระบุทุกอย่างใกล้เคึยงกัน ผู้นำมีปัญหากับสื่อสิ่งพิมพ์ที่ชื่อ “ผู้จัดการ” แถมดึงฝ่ายซ้ายมาทำงานคล้ายกัน แต่ที่สุดก็อยู่ไม่ได้ ด้าน “แกนนำ 6 ตุลาฯ19” เผย ทหาร ตำรวจ สุดทน ถูกระบบทักษิณข้ามรุ่น พร้อมร่วมชบวนการกับประชาชนหากลุกฮือ

นายธนบูลย์ จิรานุวัฒน์ ผู้ชำนาญกฎหมายระหว่างประเทศ กล่าวในการสัมมนา “ร่วมกันผ่าทางตันประเทศไทย (กรณีนายสนธิ ลิ้มทองกุล)” ซี่งจัดโดยวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต ว่า สถานการณ์ของประเทศไทยที่เกิดขึ้นในเวลานี้ สามารถเปรียบเทียบได้กับประเทศนิการากัว ซึ่งในอดีตเหตุการณ์ด้านการเมือง ของประเทศดังกล่าว ก็มีการแย่งชิงอำนาจทางการเมือง แล้วไปมีปัญหาความขัดแย้งกับกลุ่มเจ้าของธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ในประเทศ ซึ่งมีชื่อว่า “ลาเพมซ่า” หากแปลเป็น ภาษาไทย จะมีความหมายว่า “ผู้จัดการ” อีกทั้งสถานที่ตั้งของประเทศนิคารากัว อยู่ในตอนกลางของกลุ่มประเทศอเมริกาใต้ ส่วนประเทศไทยก็อยู่ในศูนย์กลางของ เอเชีย และนิการากัว มีแผนที่ประเทศเป็นเหมือนขวาน แต่ไม่มีด้าม แต่ประเทศไทยเป็นขวานที่มีด้าม

“สิ่งต่าง ๆเหล่านี้มันมาคล้ายคลึงสถานการณ์ทางการเมืองของไทยในเวลานี้ และรัฐบาลนิคารากัวใช้วิธีบริหารประเทศดึงฝ่ายซ้ายที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามมาช่วย งาน ซึ่งเช่นเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ดึงฝ่ายซ้าย คือ หมอมิ้ง (นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช) หมอเลี๊ยบ (นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี) และนายสุธรรม แสงประทุม ที่เป็นฝ่ายซ้ายที่มีทฤษฎีอุดมคติล้วน ๆ ซึ่งสิ่งต่าง ๆผมกลัวว่า จะเกิดกับประเทศไทยในระยะเวลาอันใกล้นี้”

นายธนบูลย์ กล่าวว่า โดยส่วนตัวเห็นว่าสถานการณ์ทางการเมืองเวลานี้ อยากจะเสนอแนะว่า ใครจะทำอะไรก็ให้รีบทำ เพราะหากเกิดมีปัญหาขึ้นมาเชื่อว่าประชาชน จะไม่เหลืออะไร นอกจากอาจจะต้องนุ่งผ้าเตี่ยว

เผยเพื่อนรุ่น 9 พร้อมร่วมกับประชาชน

นายประสาร มฤคพิทักษ์ แกนนำ 6 ตุลา 2519 กล่าวว่า การผ่าทางตันที่ดีที่สุด คือ พ.ต.ท.ทักษิณ จะต้องลาออก เพราะประเทศไทยมาถึงทางตันท พ.ต.ท.ทักษิณ นำตำรวจและทหารที่เป็นเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 10 ข้ามมาเป็นใหญ่ทุกวงการ สร้างความไม่พอใจให้กับเตรียมทหารรุ่น 9 เป็นเรื่องที่ไม่เคยมีมาก่อน

“เพื่อนผมที่อยู่ในรุ่น 9 ก็ไม่พอใจเช่นกัน และยังบอกด้วยว่าหากประชาชนจะรวมตัวกันยึดอำนาจ พวกเขาก็จะเอาด้วย ดังนั้นสถานการณ์ ณ เวลานี้ถือว่าสุกงอมมาก นักวิชาการก็ไม่เอาทักษิณ คือ 10 คนไม่เอา 1 คน ไม่มียุคไหนที่ความรู้สึกจะตรงกันอย่างนนี้ ไม่ใช่แค่พลังสนธิเท่านั้นที่ออกมา เพียงแต่ว่า สนธิสามารถพูดสะท้อนความรู้สึกของคนอื่นได้ และขณะนี้ก็มีข่าวลือว่ามีการย้ายทรัพย์สินไปยังประเทศสิงคโปร์แล้ว

ชี้ 5 ประเด็นใหญ่ทางตันสังคมไทย

นพ.นิรันดน์ พิทักษ์วัชระ ส.ว.อุบลราชธานี กล่าวว่า ตนตั้งข้อสังเกตทางตันของสังคมไทยได้ 5 ประการใหญ่ ๆ ได้แก่ 1.รัฐบาลชุดนี้ไม่ได้เข้ามาในลักษณะ 4 ปีซ่อม 4 ปีสร้าง แต่เป็น 4 ปีที่ทำลายทรัพยากรบุคคลจนมีคนไทยตายจำนวนมาก 2. การทำลายสิทธิชุมชนและการมีส่วนร่วมของประชาชน จากกรณีของ ร่างพ.ร.บ.ป่าชุมชน ที่มีการปู้ยี่ปู้ยำป่าต้นน้ำและป่าอนุรักษ์

“ผมตรวจสอบไนท์ซาฟารี ที่ยังมีป่าต้นน้ำอยู่ แต่กลับนำมาเป็นธุรกิจ เพื่อการท่องเที่ยว ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าเป็นการละเมิดพื้นที่ป่าต้นน้ำอย่างชัดเจน”

3.โครงการประชานิยม เขตการค้าเสรี(เอฟทีเอ) การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ จนทำให้เกิดช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจน คนจนมีหนี้สินเพิ่มขึ้น ถึง 190,000 บาทต่อครัวเรือน 4.สังคมไทยเข้าสู่สังคมอบายมุขจากกรณีของหวย 2-3 ตัว ที่ผอ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ไม่สามารถชี้แจงได้ว่า เงินที่ได้กำไรนำไกปทำอะไรบ้าง นอกเหนือจากให้เด็ก และ

5. ปรากฎการณ์ “สนธิ” (นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ) ซึ่งจริง ๆ แล้วไม่ใช่การกระทบกับระบอบทักษิโณมิกส์ แต่เป็นเรื่องที่ประชาชนต้องการรู้ รวมทั้งการละเมิดต่อพระราชอำนาจของรัฐบาล ซึ่งถือเป็นวิกฤติที่สังคมไทยได้รับ และการเลือกตั้ง ส.ว.ในครั้งหน้า 99 % ก็จะมาจากกลุ่มทุน ส่วนที่ฝ่าดงเข้ามาได้ก็จะถูกประจาน กลั่นแกล้ง แม้จะมืดมนก็จะต้องมีความหวัง ประชาชนยังมีความหวัง

นายวิทยากร เชียงกูล คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า ผลจากการเผชิญหน้าของ 2 ขั้วจะทำให้เกิดความรุนแรงเหมือนเช่นในอดีต ดังนั้นประชาชนควรจะมองปัญหาที่เหตุผล อย่ามองแบบสุดขั้วด้านใดด้านหนึ่ง กรณีของ “สนธิ” ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นเฉพาะตัว แต่การที่รัฐบาลมีการรวบอำนาจอย่างแท้จริง ทำให้เป็นเหตุผลส่วนหนึ่งที่ประชาชนเข้ามร่วมฟังรายการ เมืองไทยรายสัปดาห์ จำนวนมาก เพื่อรับฟังข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ ดังนั้นการปลุกกระแสว่า คนมีจำนวนมากหรือน้อย ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ากลัว ตนขอเสนอว่า สมควรจะต้องมีเวทีที่หลากหลายเพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์ ไม่ใช่มีเพียง ฝั่ง “สนธิ” หรือ ฝั่ง “นายกฯทักษิณ” ซึ่งเวทีดังกล่าวจะต้องเป็นเวทีที่จะได้รับฟังความเห็นร่วมกันเพื่อแก้ ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ ซึ่งไม่ใช่เป็นการฟังแบบสุดขั้วหรือถูกหลอกไปตามกระแส

ระบุอำนาจอธิปไตยอยูกับพวกกลุ่มทุน

นพ.เหวง โตจิรากร อดีตผู้นำการเคลื่อนไหวในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535 กล่าวว่า นับตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงการปกครองพ.ศ.2475 ตามที่นายปรีดี พนมยงค์ นายกรัฐมนตรี ได้เขียนไว้ว่า หลักประชาธิปไตย คือ อำนาจสูงสุดต้องเป็นของราษฎร ซึ่งเป็นเรื่องจริง แต่เหตุการณ์ล่วงเลยมาจนถึงวันนี้เรื่องดังกล่าวยังไม่ได้ถูกนำมาใช้ แต่กลายเป็นว่าอำนาจสูงสุดเป็นของกลุ่มทุน อีกทั้งรัฐธรรมนูญ ฉบับปัจจุบันแม้จะระบุว่าให้ประชาชนร่วมลงลายชื่อ 5 หมื่นรายชื่อ สามารถเสนอกฎหมายต่อรัฐสภาและสามารถยื่นถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ แต่ก็ไม่มีการนำมาใช้ได้จริง จะเห็นได้ว่ากลุ่มทุนของทักษิณ เป็นกลุ่มทุนกลุ่มเดียวที่โตเร็วที่สุดจึงสามารถกำราบ กลุ่มทุนและกวาดต้อนกลุ่มอื่นมาเป็นพวก

ประกอบกับ ส.ส.และส.ว.จำนวนหนึ่งเป็นเศษสวะทางการเมือง องค์กรอิสระ ไม่สามารถบังคับใช้ได้จริง ในเมื่ออำนาจไม่ได้อยู่ที่ประชาชน แต่ไปอยู่ที่กลุ่มทุนเท่านี้ ก็จบเพราะฉะนั้นในวันนี้จึงต้องหาทางว่าจะนำอำนาจคืนสุ่ประชาชนได้อย่างไร

“ผมเศร้าใจกับคำพูดของนายกรัฐมนตรี ในช่วงที่มีการคัดค้านการแปรรูป การไฟฟ้าที่ระบุว่า เมื่อแปรรูปไปแล้ว การไฟฟ้ายังเป็นของประชาชน กระทรวงการคลังยังถือหุ้นส่วนใหญ่ แต่อยากถามย้อนว่าเมื่อแปรรูปแล้ว มีหลักประกันไหมว่า อีก 3 ปี จะถือหุ้นในสัดส่วนเท่าเดิม ต้องมีการแปรผันตามกลไกลทางเศรษฐกิจอยู่ดี อีกทั้งร่าง พ.ร.บ.เขตเศรษฐกิจพิเศษ นั้นเป็นเรื่องที่ชัดเจนว่าจะเฉือนประเทศไทยให้ชาวต่างชาติ เข้ามา โดยที่ประเทศไทยยังมีทรัพยากรธรรมชาติอยู่มาก เช่น ภาคอีสานจากการ สำรวจพบว่ามี แร่ทองแดงและโพแทสเซียม สมบูรณ์ที่สุดในโลก หากร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวผ่านก็เท่ากับเป็นการเปิดโอกาสให้ทุนจากต่างชาติเข้าม าครอบงำ

นางสุนีย์ ไชยรส คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวว่า จากกระแสทางการเมืองที่เกิดขึ้นที่มีการลือออกมาว่า จะมีการปฏิวัติรัฐประหาร โดยส่วนตัวมองว่า การที่จะใช้กำลังก่อการปฏิวัติ สำหรับประเทศไทย ณ สถานการณืเวลานี้ คงจะไม่มีความจำเป็นและสังคมไทยคงจะไม่ต้องการอัศวินม้าขาวมาทำกอบกู้สถานกา รณ์ เพราะหลังจากเกิดพฤษภาทมิฬ ที่ผ่านมาถึง 13 ปี ประเทศไทยไม่เคยเกิดเหตุการณ์รัฐประหารหรือปฏิวัติเกิดขึ้นแม้ครั้งเดียว เพราะสังคมไทยเชื่อว่า คนไทยสามารถ ลุกขึ้นสู้เองได้ ไม่ต้องการหาบุคคลใดมาช่วยเหลือ แต่สิ่งที่ตนอยากจะเสนอแนะคือ คนไทยควรจะใช้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างนี้ เปิดขบวนการภาคประชาชน เพื่อศึกษามิติของปัญหาของภาคประชาชนในทุก ๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การศึกษา สังคม และเศรษฐกิจ

http://www.manager.co.th/lite/ViewNews.aspx?NewsID=9480000166068

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

สมัครสมาชิก ส่งความคิดเห็น [Atom]

<< หน้าแรก