เพื่อชีวิต..ใคร???

วันพฤหัสบดี, กรกฎาคม 14, 2548

แด่....เหล่าขุนศึกจากแนวไพร

อ่านงานของ “เซี่ยงเส้าหลง” เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2548 จากเว็บไซด์แล้วโดนใจเหลือเกินครับ โดยเฉพาะช่วงที่ตั้งคำถามถึงบรรดาคนเดือนตุลาฯที่ร่วมรัฐบาลและเป็นสต๊าฟทำงานให้กับพรรคไทยรักไทยและชินคอร์ปจำนวนหลายต่อหลายคน

........


พิจารณาเฉพาะปรัชญา หลักการ และลำดับเหตุผล ที่ปรากฏอยู่ในคำประกาศกบฏ หากไม่ระบุชื่อแต่แรก

ผู้คนทั่วไปคงไม่มีใครคิดในชั้นแรกว่าจะเป็นคำประกาศของเสนาะ เทียนทอง

มันน่าจะเป็นคำประกาศของสุธรรม แสงประทุม อดีตเลขาธิการศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย ปี 2519 ผู้เกือบเอาชีวิตไม่รอดในเหตุการณ์วันที่ 6 ตุลาคม 2519 และต้องติดคุกอยู่ 2 ปีเต็ม

มันน่าจะเป็นคำประกาศของพินิจ จารุสมบัติ อดีตรองเลขาธิการศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทยฝ่ายการเมือง ปี 2517 ผู้รณรงค์ต่อต้านจักรวรรดินิยมอเมริกา และเป็นหนึ่งในสมาชิกขาประจำของสำนักงานทนายความธรรมรังสีแหล่งรวมนักต่อสู้เดนตายในยุคนั้น

มันน่าจะเป็นคำประกาศของภูมิธรรม เวชยชัย อดีตผู้ก่อตั้งและแกนนำพรรคจุฬาประชาชน และคนทำงานด้านองค์กรพัฒนาภาคเอกชนที่มีคุณภาพหาตัวจับยาก

มันน่าจะเป็นคำประกาศของน.พ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช อดีตแกนนำพรรคแนวร่วมมหิดล ผู้มีบทบาทนำการเคลื่อนไหวภาคประชาชนอย่างเอาการเอางานตลอดห้วงระยะเวลาการกบฏกับทรราชคณะต่าง ๆ ในยุคนั้น

มันน่าจะเป็นคำประกาศของจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตนายกองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ปี 2519 ผู้มีบทบาทสำคัญยิ่งในการเคลื่อนไหวของประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือ

มันน่าจะเป็นคำประกาศของคนอีกหลาย ๆ คนที่เคยมีบทบาทต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยเพื่อเสรีภาพของประชาชนในอดีต

มันเกิดอัปรีย์จัญไรอะไรขึ้นกับบ้านนี้เมืองนี้ จิตวิญญาณที่เคยลุกโชติช่วงอยู่ในหัวใจของคนหลาย ๆ คนในอดีตจึงมามีอันเป็นไปดับมอดไปเสียเฉย ๆ ภายในพรรคการเมืองที่ชื่อพรรคไทยรักไทย

ท่ามกลางการต่อสู้อันยาวนาน ทุกชีวิตได้เรียนรู้ถึงความรัก ความผูกพัน ที่มีต่อกันและกัน และมีต่ออุดมการณ์อันสูงส่งที่ทุกคนร่วมยึดถือ ทุกหยาดเหงื่อ หยดเลือด คราบน้ำตา ที่สูญเสียไป คือความหวังจะได้เห็นสังคมใหม่ที่ดีงาม ที่ปราศจากการเอารัดเอาเปรียบกันและกัน ไม่กดขี่กัน เป็นสังคมภราดรภาพที่ทุกคนมีสิทธิในความเป็นมนุษย์อย่างเท่าเทียม...

ความหวังของมิตรร่วมรบจำนวนหนึ่งต้องดับมอด คงเหลือกองกระดูกที่ถูกทิ้งไว้ในราวไพร

คุณูปการแห่งการต่อสู้และการเสียสละของคนเล็กคนน้อยนั้นยิ่งใหญ่นัก

อย่างน้อยที่สุด ประชาธิปไตยโดยรูปแบบก็บังเกิดขึ้นและยั่งยืนอยู่ได้ และไม่มีรัฐบาลใดในระยะหลัง ๆ ที่กล้าเมินเฉยต่อชาวไร่ชาวนาคนยากคนจนอีกต่อไป

มันเกิดอัปรีย์จัญไรอะไรขึ้นกับบ้านนี้เมืองนี้ จิตวิญญาณที่เคยลุกโชติช่วงอยู่ในหัวใจของคนหลาย ๆ คนในอดีตจึงมามีอันเป็นไปดับมอดไปเสียเฉย ๆ ภายในพรรคการเมืองที่ชื่อพรรคไทยรักไทย

...........


ในฐานะที่เคยเป็นสมาชิกขบวนเดินทัพทางไกลไปทัศนศึกษาในราวไพรเกือบเอาชีวิตไม่รอดมาแล้วในช่วงปี 2519 – 2525 ด้วยกัน อ่านแล้วผมอายแทนเพื่อน ๆ เหล่านี้จริง ๆ ครับ เข้าใจละว่าเพื่อนในอายุ 50 ไม่มีทางเลือกอะไรมากนัก แต่ขอโทษนะ...แต่ละคนสร้างเนื้อสร้างตัวกันมาจนถึงปูนนี้ ความสามารถก็มีอยู่เต็มเปี่ยม แยกตัวออกมาไม่ถึงกับ “อดตาย” กระมังครับ

กะอีแค่ “อดอำนาจ” สักพักมันจะเป็นไรไป

ขอคารวะจิตใจของเพื่อนร่วมทัวร์ทริปนั้นอย่าง “สุรเธียร จักรธรานนท์” เพื่อนแยกตัวออกมาได้ถูกจังหวะแล้ว แม้ว่าเพื่อนจะไม่เอ่ยปากถึงเหตุผลที่แท้จริง แต่ในฐานะที่รู้จักเพื่อนดีตั้งแต่สมัยสู้ศึกในจุฬาฯมาด้วยกัน เชื่อว่าเพื่อนไม่ใช่คนทิ้งมิตรสหายและผู้มีพระคุณในยามหน้าสิ่วหน้าขวานแน่...ถ้าไม่มีเหตุผลที่ดีจริง ๆ

เพื่อนเอ๋ย “ทรท.” น่ะไม่ใช่และไม่มีทางจะใช่ “พคท.” ไม่ต้อง “เชื่อพรรคเชื่อจัดตั้ง” ถึงลิมจิตวิญญาณหรอก

กับ “พคท.” เพื่อนยังกบฏมาแล้วเลย นับประสาอะไรกับ “ทรท.” วันนี้

ขอฝากคำกลอน “แด่...ขุนศึกจากแนวไพร” ที่เขียนขึ้นมาจากแรงบันดาลใจไปยังผองเพื่อนทั้งหลายด้วย

...........

พกคัมภีร์ออกจากป่าหน้าสลอน

สร้างละครโรงใหญ่ ๆ ให้ความฝัน

แล้วเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ให้เมามัน

ความกระสันความอยากมันลากไป

ลืมแล้วหรือแนวไพรที่ให้พัก

หรือรู้จักทักทายเพียงปลายฝัน

หรือน้ำค้างกลางป่าไพรในคืนวัน

ความสำคัญนั้นหมดจึงลดธง

เสียงเพรียกหายุติธรรมยังย้ำอยู่

อดีตกู่จากภูผามาหลอกหลอน

พวกมึงจากภูผาสู่นาคร

แล้วสลัดอาทรต่อประชา

กูจะมาทวงหาสัญญาเก่า

เคยบอกเล่าในป่าน้ำตาไหล

ด้วยสำเนียงจากเสียงของหัวใจ

วันนี้ใครบิดเบือนในเดือนเพ็ญ

.............

ไม่ได้เขียนกลอนมา 30 ปีแล้ว ขาดความสละสลวยไปบ้างอย่าว่ากัน



ส.นิรนาม 5 ก.ค. 48
*****************************

ถึงอยู่วัง เวียงใหญ่ ใจยังมั่น
คิดถึงวัน คืนเก่า มิรู้หาย
คิดถึงมิตร สหาย ผู้ล้มตาย
ผู้ทอดกาย เป็นหนทาง ให้เราเดิน

แม้วันนี้ เราไม่มี อำนาจรัฐ
ก็ไม่ขัด เคืองใจ ให้ห่างเหิน
ช่วยประชา อย่างสุดใจ ไม่หวังเงิน
ก็เพริดเพลิน เจริญใจ ไร้กังวล

เพียงมั่นคง อุดมการ ที่พรรคสอน
ไม่ง้องอน นายทุนใหญ่ ให้สับสน
เพียงมุ่งมั่น กอบกู้ กรรมาชน
ทั่วสากล ย่อมชื่นชม อุดมการณ์
ทั่วสากล ย่อมชื่นชม อุดมการณ์
****************************************

สหายเอ๋ยเพื่อนเอย...
อย่าเฉลยตัดพ้อท้อหมู่มิตร
ใครจะคิดเลือกทางไหนช่างใครเขา
ทุนนิยมรุกหนักอย่าดูเบา
กายใจเราต้องถนอมกล่อมให้ดี
เคยหัวใจสีแดงแกร่งดังผา
ทุ่มสติภูมิปัญญาเพื่อน้องพี่
เพื่อมวลชนเพื่อคนทุกข์อุทิศพลี
มาวันนี้หากเปลี่ยนไปทำใจกัน
ขอใจเรายังเด่นแดงรักแรงล้น
เพื่อประชาชนผองไทยฝังใจมั่น
เปลี่ยนวิถีสู้สอดคล้องครรลองธรรม์
ไม่ยึดติดคนถือมั่นให้ขุ่นใจ
"เมื่อชีวิตมิอาจจะหยุดนิ่ง
และความจริงยังพิสูจน์ว่าพูดได้
มิอาจอยู่อย่างมิได้ทำอะไร
ในเมื่อคนส่วนใหญ่ยังทุกข์ทน"

อิสานใต้11 6 ก.ค. 48

**************************************

เจริญธรรม สำนึกดี พี่น้องใหม่
เรามาจาก ถิ่นไกล ในทุกที่
หากหัวใจ ไม่ซึ้ง ถึงความดี
อาจไม่มี วันนี้ ที่เจอกัน

เราคือคน พันธุ์ใหม่ โลกไร้แล้ง
ค่าตัวแพง แสนแพง คุณมหันต์
คนที่หา ซึ้อไม่ได้ ในปัจจุบัน
เสียสละอัศจรรย์ ทุกวันคืน

ไม่เคยบ่น ไม่เคยเบื่อ เมื่องานหนัก
กล้าจะพบ อุปสรรค จักสู้ฝืน
แม้เขาเหยียบ เขาย่ำ สู้กล้ำกลืน
ส่งยิ้มยื่น ไมตรี มีอภัย

ดูเหมือนเฉย ชินชา ลีลาโลกย์
กลับไม่โศกไม่สลด กลับสดใส
ดูเหมือนโง่ งี่เง่า เกินเข้าใจ
คนอะไร ชอบให้ ไม่ชอบเอา

นี่แหละคน สังคม คนพันธุ์นี้
เริ่มจะมี เริ่มจะเห็น รวมเป็นเผ่า
เริ่มจะกอบ เริ่มจะก่อ พอเห็นเงา
เขาบ้าไป หรือเปล่า เอาไปคิด

ด้วยสองมือ ลงทำ ลุยนำหน้า
ด้วยความกล้า เสรี ชี้ถูกผิด
ด้วยความเชื่อ ในธรรม นำชีวิต
ความมืดมิด จะเรืองแสง ด้วยแรงเรา.

คนคืออะไร.. 8 ก.ค. 48
*************************************

ค่ารักแท้ แม้สอาด ปราศจากพิษ
เริ่มจากจิต เมตตา การุณให้
กิเลสอยาก จากตันหา พาวอดวาย
ทำรักกลาย เป็นโลภ ละโมบแทน

ทุนนิยม ถมทำ กำไรมาก
ประชาราก นิยม ถมมักง่าย
ทรัพย์นิยม ถมกินใช้ ให้มากไว้
ถมหนี้ให้ ไทยทั่ว มัวมืดมิด

เมื่อไม่ใช่ ใจจิต คิดฟุ้งซ่าน
ทั่วทุกบ้าน ใจท้อ ถึงห่อเอี่ยว
สิ่งใดช่วย รวยล้น คนกลุ่มเดียว
ไม่เฉลียว ฉลาดรู้ สู้ทนไป

พุทธธรรม สังฆัง สะระณัง
แต่ยืดตังค์ ทรัพย์เป็นหลัก ปักใจมั่น
ชั่วสุดเหว เลวอย่างไร ไม่สำคัญ
เกินร้อยล้าน รีบเคารพ นบนอบมัน

ใช้เงินซื้อ อำนาจ ฉลาดหรือ
วัวกระบือ ถูกเปรียบอ้าง ให้ด่างพร้อย
มีอำนาจ ใช้ทาสเชิด ดูเลิศลอย
บังอาจบ่อย ไม่มีใคร ในสายตา

หมายเหตุ ถูกจับผิดข้อความไม่ผ่าน เพราะ ระบบที่ตั้งค่าไว้ มันโง่ ท่านผู้อ่าน กรุณาเปลี่ยน อ เป็น ห ที่เอี่ยว เปลี่ยน บ เป็น ถ ที่บ่อย ด้วยครับ ขอบคุณครับ

สหายธรรม 14 ก.ค. 48
**********************************

http://www.manager.co.th/politics/PoliticsQAQuestion.asp?QAID=4943

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

สมัครสมาชิก ส่งความคิดเห็น [Atom]

<< หน้าแรก