บิกโรงมาสัปดาห์นี้ ไต่กอต้องขอบอกก่อนว่า เราชาวคณะผู้จัดทำเว็บไซต์ thaiinsider.com แ ห่งนี้ ขอน้อมถวายพระพรในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวา มหาราช...ขอพ่อเหนือหัวของเรา...จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน...ตราบนานเท่านาน… ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
ไต่กอ-ขอบอก...วาระนี้...จึงอยากนำเสนอ...บางสิ่งบางอย่าง...เพราะอดไม่ได้ที่เห็น “ใครบางคน” ทำอะไรไว้...โดยเมื่อเหลือบไปเห็น “เอกสาร” ที่วางอยู่บนโต๊ะ “ชิ้นหนึ่ง” จึงตัดสินใจต้อง “ขอ” นำบางช่วง-บางตอน ที่สำคัญยิ่งมาเปิดเผยให้เห็นว่า “ใครบางคน”คิดอย่างไรและที่ผ่านมา “ทำอะไร” ลงไป
เอกสารชิ้นนี้เป็น “รายงานการประชุมคณะกรรมาธิการติดตามผลการ..................” ครั้งที่ 5/2548 เมื่อวันพุธที่ 25 พ.ค. 2548 ที่ผ่านมานี้เอง
หากยังจำกันได้ “ไทยอินไซเดอร์” เป็นผู้จุดประกายเรื่องนี้ โดยเรามี “ข้อมูล” ที่ได้รับในการ “ดึงเรื่อง” การซื้อเครื่องบินพระที่นั่ง แต่ไม่มีใครกล้ายืนยัน-กล้าพูด....
กระทั่ง “ฟ้ามีตา” ส่งรายงานการประชุมชิ้นนี้มาให้ดู...ทำให้ถึงกับ “อึ้ง”
เราจึงตัดสินใจที่จะ “เปิดความจริง” เพื่อให้ “สังคม” ได้รับรู้-รับทราบ!!!
เพื่อจะพิสูจน์กันให้จะจะว่า...การใช้จ่ายเงินงบประมาณของรัฐบาลนั้น “เล็งเห็น” เรื่องใด “สำคัญที่สุด”
ยิ่งเมื่อไม่กี่วันมานี้ พอมีข่าวเรื่อง “ถังแตก” ปูดออกไปว่า...ไม่มีเงินเหลือใน “คงคลัง”
ถึงขั้น...หากไม่รีบไฟเขียวไปกู้เงินมาอีก 8 หมื่นล้าน เชื่อได้ว่า...ต้นปีหน้านี้....ที่พอเปิดศักราชมาปุ๊ป...ข้าราชการทั้งหลาย ก็จะไม่มีเงินเดือนกะเค้า...สุดท้ายจะกลายเป็น “เป้าใหญ่” ที่พังพาบ “รัฐบาลมักมาก” ลงได้
เมื่อเห็นภาพที่ชัดเจนเช่นนี้...ทำให้เห็นชัดว่า...รัฐบาลชุดนี้-ไม่ไหวจริงๆ...
ไม่ซื้อเครื่องบินพระที่นั่ง...แต่ดันซื้อเครื่องบินไทยคู่ฟ้า...
แถมยังหาญกล้านำ “ฮ.พระที่นั่ง” 2 ลำไปแลกอีก...
ยิ่งล่าสุดที่มีข่าวว่า “คอ-รอ-เมีย” ไฟเขียวให้ซื้อเครื่องบินให้กับพวก VIP โดยอ้างเหตุผลว่า...จะเอาไว้ใช้ลงไปตรวจราชการ 3 จังหวัดภาคใต้...ยิ่งเห็นธาตุแท้หนักเข้าไปอีก
เฮ้อคิดแล้วก็เศร้า...ว่า “ผู้นำ” คิดถึงแต่เรื่องตัวเอง...จริงๆ
วกกลับมาเรื่องของเราที่ “ไต่กอ” ขอแฉชนิดที่เรียกว่า “คุณพี่สนธิ” อาจสนใจยกหูมาขอไปดู เผื่อจะเอาไปพูดในรายการสัญจร “อีกที” ก็ได้...ไม่ว่ากัน!!!
เริ่มต้น...ขอย้ำอีกทีแบบง่ายๆ ว่า เครื่องบินพระที่นั่งในปัจจุบันมีจำนวน 2 เครื่องคือ
1) เครื่องบินพระที่นั่ง โบอิ้ง 737-200 ซึ่งเป็นเครื่องบินขนาดเล็ก มีอายุการใช้งาน 25 ปี ซึ่งเป็นเครื่องพระราชพาหนะสำรอง (ใช้ในกรณีเครื่องบินพระที่นั่งมีเหตุขัดข้อง)
2) เครื่องบินพระที่นั่ง โบอิ้ง 737-400 ซึ่งเป็นเครื่องบินขนาดกลาง มีอายุการใช้งาน 13 ปี ซึ่งเป็นเครื่องบินพระที่นั่งปัจจุบันและกำลังจะหมดอายุการใช้งานตามที่กำหนดไว้
หากมองกันถึงตรรกะง่ายๆ ต้องอย่าลืมว่า ระยะเวลาในการจัดหา “พระราชพาหนะ” ลำใหม่นั้น ใช้เวลาประมาณ 2 ปี และเครื่องบินพระที่โบอิ้ง 737-400 นี้กำลังจะหมดอายุในเร็ววันนี้
เรื่องนี้ “ทหารอากาศ” เคยทำเรื่องเสนอไปยังรัฐบาลตามขั้นตอนแล้ว โดยเบื้องต้นกะว่า จะนำเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งเดิม 2 ลำไปแลกกับเครื่องบินพระที่นั่งลำใหม่
เพราะ ฮ. พระที่นั่ง 2 ลำที่ว่านี้ ไม่ได้ใช้แล้ว หลังจากมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดที่ ฮ.พระที่นั่งลำนึงตก...
แต่เมื่อเรื่องถูก “ชง” เข้าไป ก็มี “คนบ้าอำนาจ” บางคนที่ “คิดได้ยังไง” ก็ไม่รู้ ถือวิสาสะเปลี่ยน “คอนเซปต์” การซื้อใหม่หมด!!!
แทนที่จะจัดซื้อเพื่อถวาย เพราะถือเป็น “มงคลสูงสุด” ที่ต้องรีบดำเนินการทันทีทันใด...ตามประสาพสกนิกรชาวไทยผู้จงรักภักดี
แต่ “คนบ้าอำนาจ” ที่มีใจมักใหญ่ใฝ่สูงคนนี้...ก็บังอาจเอาตัวเองไปเทียบกับ “ผู้นำ” ของเมืองลุงแซม
เห็นเค้ามี Air Force One ก็จะเอากะเค้าบ้าง
เป็นเพราะว่า “ลูก-เมีย” ที่บ้านดูหนังเรื่อง Air Force One มากเกินไป จึงอยากให้พ่อบ้านหน้าหล่อเหมือน “แฮริสัน ฟอร์ด”...
แต่อุ๊ย...อย่าเอ็ดไป...อย่าให้เหมือนกับเหตุการณ์บนเครื่องใน “หนัง” นะ...จะบอกให้!!!
เพราะใน “หนัง” เมื่อมีกลุ่มผู้ก่อการร้าย “บุกยึด” เครื่อง Air Force One...คุณพี่แฮริสัน ฟอร์ด ก็เล่นบท “ประธานาธิบดี” ที่มี “ความกล้า-บ้าบิ่น” ในตัวเอง...ปราบเหล่าร้ายอย่างสิ้นซาก
แต่ถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริงกับเครื่อง Air Force One ฉบับ “ไทยคู่ฟ้า”...เชื่อได้เลยว่า...ท่านผู้นำของเรา “ไม่กล้า” แน่...เพราะเป็นที่รับทราบดีว่า....
ท่าน “ผู้นำ” ของเรานั้น “ขี้กลัว” จะตาย...ชนิดที่ “คนใกล้ชิด” ต่างรู้ดีว่า...ขี้กลัวแบบขี้หด-ตดหาย...ไปไหน-มาไหน...Security Guard พรึ่บทั่วบ้านทั่วเมือง...
ไอ้วันที่ทำ “เสนอหน้า” ไปทดลองบิน-ใช้สนามบินหนองงูเห่า...ก็เหมือนกัน...
ว่ากันว่า...กลัวถึงขนาดต้องให้ “F 16” บินฉวัดเฉวียน...โฉบฉ่าย “คุ้มกัน”...เพราะความที่ “กลัวตาย” นั่นเอง
ที่สำคัญ...หากสังเกตให้ดี “บางห้วง-บางเวลา-บางสถานที่” ที่ดั้นด้นไป...
“ท่านผู้นำ” จะดู “อ้วนท้วน-สมบูรณ์” ผิดปกติ...ทำเอาหลายคนเข้าใจผิดคิดว่า...เมียเลี้ยงดี
แต่จะเป็น “เมีย” ไหน...ไม่รู้จริงๆ...5555
แต่เชื่อหรือไม่ว่า...ไอ้ที่ “อ้วนท้วน-สมบูรณ์” นั้น...เป็นเพราะ “ความกลัวตาย” ต่างหาก...เพราะเล่นใส่ “เสื้อเกราะ” ป้องกัน...
เพราะกลัว “คนมาทำมิดี-มิร้าย” ถึงขนาด...บางครั้งถึงขั้น “เหน็บปืนพก” ติดตัวก็ทำกันมาแล้ว
เรียกได้ว่า...กล้าแต่ปาก-แต่ใจมดจริงๆ...
เมื่อใฝ่ฝันอยากได้...เครื่องบินส่วนตัว...ของตัวเอง...แต่ดัน “ขี้เหนียว” ไม่เอาเงินตัวเองซื้อ
จึงต้องอาศัยช่องทางนี้...แก้ไข-ปรับเปลี่ยน จากเดิมที่จะจัดซื้อเพื่อ “ถวาย”...มาเป็นจัดซื้อ “เพื่อตัวเอง” และครอบครัว...
พอมีคนทักท้วงหนักเข้า...ก็แก้ต่างบอกว่า...เพื่อเป็นหน้าเป็นตาให้กับผู้นำของประเทศ
ยิ่งพอตัวเองมีเครื่องบินส่วนตัวแล้ว...ก็ลืมนึกไปว่า...ต้องจัดหาซื้อถวายคืนในปีนี้ เพราะอายุการใช้งานมันบีบรัดเข้ามา...ขืนไม่ทำ “งานนี้” โดนอัดจนอ่วมอรทัยแน่!!!
แต่เมื่อพลิกดูเงินในกระเป๋าของชาติ...ก็แทบจะเกลี้ยง...เพราะผลาญกันไปเกือบจะหมดแล้ว...
หันรีหันขวาง...เลยจำใจต้อง “กู้เงิน” มา...ขัดตาทัพ...แก้ปัญหาเฉพาะหน้าก่อน...
แต่เอ๊ะหลายคน...ก็สงสัย...ทำไม...ถ้าอยากได้เครื่องบินส่วนตัวจริงๆ...ทำไมไม่ใช้เงิน “ตัวเอง” ที่แอบเอาไปผ่องถ่าย “ทิ้ง” ตามที่ต่างๆ ทั่วโลก...
บอกได้คำเดียวงัยว่า...ก็คนมัก “งก” น่ะ...เพราะแอบดูเงินในกระเป๋าตัวเอง (ที่เมียไม่รู้)...โอ้โห....อื้อซ่า...เลยคร๊าบ
ที่สำคัญ...หากเมีย “ยึดหมด” ก็ “อด” ไปหา “กิ๊ก” น่ะสิ...อิๆๆๆๆ
เมื่อเข้าใจภาพรวมแล้ว....ไต่กอก็จะพาเข้าไปดูว่า...ใครพูดอะไร-ยังงัย
----------------------------------------
.....ความตอนหนึ่ง...จากการประชุม...ย้ำอีกทีคือ...เมื่อวันพุธที่ 25 พ.ค. 2548
----------------------------------------
ประธาน : ทีนี้เครื่องสำหรับราชพาหนะในขณะนี้ถึงเวลาที่จะเปลี่ยน
พล.อ.อ.ช : เครื่อง ฮ.พระที่นั่ง หรือ ฮ.เครื่องบินครับ
ประธาน : เครื่องบินครับ
พล.อ.อ.ช : เครื่องบินเรากำลังทำเรื่องขอรัฐบาลไปเพื่อจัดซื้อครับ เป็น 737-800 ครับ เป็นเครื่องที่ใหม่ที่สุดนะครับ เนื่องจากคิดว่า จะต้องใช้เวลาในการจัดหาประมาณเกือบ 2 ปีครับ
ประธาน : เคยขอไปกี่ครั้งแล้วครับ
พล.อ.อ.ช : เราขอไปปี 2547 ครับ (หมายถึงปีงบประมาณ 2547)
ประธาน : ปี 2547 ขอ Spec อะไรครับ
พล.อ.อ.ช : เราจะไม่กำหนดออกมาว่าเป็น Spec อะไรครับ แต่ว่าในการกำหนด Spec อะไรนี้ เราจะออกมาว่าเป็นเครื่องบินที่สามารถจะติดตั้งที่นั่งได้เท่าไร ระยะบินไกลสุดเท่าไร อะไรต่างๆ พวกนั้นครับ
ประธาน : แล้วเมื่อปี 2547 ผลเป็นอย่างไรบ้าง
พล.อ.อ.ช : ปี 2547 นั้น เราไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณนะครับ
ประธาน : รัฐบาลอ้างว่าไม่มีงบประมาณ
พล.อ.อ.ช : ครับ
ประธาน : แล้วปี 2548 ครับ
พล.อ.อ.ช : ขณะนี้เราขอในปี 2549 เลยครับ
ประธาน : ปี 2548 ขออีกทีไหมครับ
พล.อ.อ.ช : ไม่ได้ขอครับ
ประธาน : ปี 2548 ไม่ได้ขอ แล้วมาขอปี 2549 คือกำลังจะขอนี่นะครับ
พล.อ.อ.ช : ครับ เพราะเราคาดว่า เมื่อครบเวลาเข้าประจำการก็จะพอดี ก็คือหมดอายุตามที่กองทัพอากาศตั้งไว้ว่า เราพยายามที่จะให้เครื่องพระราชพาหนะนั้น พยายามที่จะอยู่ในเกณฑ์ที่ยังใหม่อยู่ครับ
.................................อีกตอนหนึ่ง...................
ประธาน : ท่านอื่นมีอะไรจะถามไหมครับ ถ้าไม่มีเชิญสำนักงบประมาณนิดหนึ่งครับ เมื่อสักครู่นี้สงสัยว่า กองทัพอากาศขอจัดซื้อเครื่องบินพระที่นั่ง แต่ว่าไม่ได้รับงบประมาณ ทีนี้พอจะเป็นจังหวะหรืออย่างไรถึงได้ลำนี้ (หมายถึงเครื่องบินไทยคู่ฟ้า) มาแทนนะครับ ขอเชิญครับ เรื่องงบประมาณก่อน
นายอำ.. : กราบเรียนท่านประธานครับ ผม...(ตำแหน่ง)...สำนักงบประมาณ ส ำหรับเรื่องการจัดซื้อเครื่องบินพระที่นั่งในปี 2546 นั้น เนื่องจากว่า ในขณะนั้นมีข้อจำกัดในเรื่องของวงเงินงบประมาณรายจ่าย แนวทางในการดำเนินงานก็ได้พิจารณาร่วมกับทางกองทัพอากาศแล้ว ก็ขอเลื่อนในจุดนี้ไปก่อน ส่วนในเรื่องของการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับราคาเครื่องบินลำเลียงขนาดกลาง ที่กำลังกล่าวถึงขณะนี้ (หมายถึงเครื่องบินไทยคู่ฟ้า) อันนี้เป็นการจัดสรรตามมติคณะรัฐมนตรี ลงวันที่ 22 ก.ค. 2546 ซึ่งวงเงินทั้งสิ้นตามที่ท่านผู้แทนจากกองทัพอากาศได้กราบเรียนท่านแล้วว่า วงเงินทั้งสิ้นประมาณ 51 ล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา โดยแนวทางในการใช้จ่ายเป็นการแลกเปลี่ยนในระหว่างเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ อันนั้นที่กราบเรียนไปแล้ว เป็นมูลค่าประมาณ 21 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งในกรณีนี้แนวทางในการที่จะกำหนดค่าใช้จ่ายเพิ่มอีกประมาณ 30 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งในขณะนั้นทางสำนักงบประมาณได้มีหนังสือ พอหลังจากที่มีมติคณะรัฐมนตรีแล้ว ทางสำนักงบประมาณก็ได้เรียนให้ทางกองทัพอากาศว่า ให้มีการปรับในเรื่องของแผนการใช้จ่ายของกองทัพอากาศมาจัดซื้อเพื่อกรณีดังกล่าว ในวงเงิน 1,309,050,000 บาท ทีนี้ว่า ในกรณีอันนี้ในจำนวนเงินดังกล่าว เนื่องจากว่า เป็นข้อผูกพัน 2 ปี คือ ปีงบประมาณ 2546 กับปี 2547 โดยในปี 2546 นั้นจะต้องใช้จ่ายเงินประมาณทั้งสิ้น 2.5 ล้านเหรียญสหรัฐ และปี 2547 ประมาณ 27.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ทีนี้ในกรอบตัวนี้ แนวทางในการดำเนินงาน ทางสำนักงบประมาณมีหนังสือให้กองทัพอากาศปรับแผนในการใช้จ่าย ซึ่งกองทัพอากาศได้ปรับแผนในการใช้จ่ายงบประมาณปี 2546 เป็นค่าใช้จ่ายสำหรับดำเนินการดังกล่าว รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 109.33 ล้านบาท สำหรับเพื่อ Serve กรณีดังกล่าว ซึ่งในกรณีนี้จำแนกเป็นค่าเครื่องบินเสีย ประมาณ 107.5 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายในการวิเคราะห์ทางด้านเทคนิค ในการตรวจรับทางด้านเทคนิค และฝึกอบรมในเรื่องของการใช้เครื่องบินดังกล่าวอีกประมาณ 1.83 ล้านบาท....
ส่วนในปี 2547 เดิมทีนั้น ทางสำนักงบประมาณได้เรียนทางกองทัพอากาศให้ปรับแผนในการใช้จ่าย เนื่องจากว่า แนวทางในการจัดตั้งงบประมาณนี้นะครับ ไม่สามารถกระทำได้ทัน เพราะเพิ่งเริ่มในช่วงเดือนก.ค. แต่พอหลังจากนั้นเสร็จ ก็มีการขออนุมัติเงินงบกลางเพิ่มเติมมานะครับ เป็นวงเงินทั้งสิ้นประมาณ 1,117.817 ล้านบาท ซึ่งประกอบไปด้วย ค่าเครื่องบินประมาณ 1,100.597 ล้านบาท หรือประมาณ 27.5 ล้านดอลล่าร์นี้นะครับ แล้วก็จะมีองค์ประกอบของให้ค่าใช้จ่ายในการไปตรวจรับทางเทคนิคและฝึกอบรมในต่างประเทศ เพื่อที่จะให้คุ้นกับในเรื่องของกรรมวิธีทางด้านเทคนิคของเครื่องบินดังกล่าวอีกประมาณ 17.22 ล้านบาท
ประธาน : เท่าไรนะครับ
นายอำ.. : 17.22 ล้านบาทนะครับ ทีนี้สำหรับแนวทางดังกล่าวเหล่านี้นะครับ ทางสำนักงบประมาณนี้ ตอนมีหนังสือครั้งแรก ให้ทางกองทัพอากาศได้ปรับแผนในการใช้จ่าย แต่เนื่องจากว่า กองทัพอากาศนี้นะครับ ได้รับงบประมาณค่อนข้างจำกัดมาทุกปี เพราะฉะนั้นจึงไม่มีการดำเนินการดังกล่าว ไม่มีงบประมาณเพื่อดำเนินการดังกล่าวได้ จึงขออนุมัติเงินใช้จ่ายเงินงบกลางรายการเพื่อการเสริมสร้างศักยภาพการแข่งข ันและการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศนี้นะครับตามมติคณะรัฐมนตรีซึ่งเป็นไปโดยม ติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 พ.ย. 2546 ทีนี้ในจุดเหล่านี้อยากจะกราบเรียนว่า ทางสำนักงบประมาณก็จัดสรรตามมติดังกล่าวนะครับ แล้วส่วนในเม็ดเงินประมาณ 17.22 ล้านบาทที่เป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปตรวจรับทางด้านเทคนิคและฝึกอบรมในต่ างประเทศของกองทัพอากาศนั้น ทางสำนักงบประมาณก็ให้กองทัพอากาศปรับแผนค่าใช้จ่ายจากงบปกติในปี 2547 มาดำเนินการ ซึ่งเดิมทีนี้ทางคณะรัฐมนตรีได้มีมติให้ทางกองทัพอากาศต่อรองกับผู้ผลิตให้เ ป็นผู้รับรองในค่าใช้จ่ายดังกล่าวก่อนนะครับ ซึ่งผลจากการพิจารณาประสานแล้วนี้นะครับ ปรากฏว่าทางผู้ผลิตยืนยันให้ทางกองทัพอากาศเป็นผู้รับผิดชอบในเม็ดเงินดังกล ่าวนะครับ ทางสำนักงบประมาณก็เลยได้มีการจัดสรรงบประมาณโดยทางกองทัพอากาศได้ปรับแผนจา กงบประมาณรายจ่ายปี 2547 นี้ให้ไปเป็นวงเงินทั้งสิ้น 17.22 ล้านบาท ส่วนในปีงบประมาณ 2548 ที่ของบกลางประมาณ
ประธาน : โทษนิดหนึ่งครับ 17.22 ล้านบาท เชิญต่อเลยครับ
นายอำ.. : 17.22 ล้านบาทครับ ส่วนในปีงบประมาณ 2548 ที่ทางกองทัพอากาศได้ของบประมาณเพิ่มเติมมาประมาณ 84 ล้านบาทเศษ ก็เพื่อไปปรับปรุงบำรุงปกตินี่นะครับ ซึ่งอันนี้ก็เป็นไปตามเกณฑ์ที่ทางกองทัพอากาศกำหนดตามชั่วโมงบินนะครับ ซึ่งทางสำนักงบประมาณเดิมทีก็วิเคราะห์แล้วนะครับ เห็นควรให้ปรับแผนในการเบิกจ่ายจากค่าใช้จ่ายในการปรับซ่อมดังกล่าว แต่ทีนี้ว่า เมื่อวิเคราะห์จากงบประมาณในปี 2548 ที่ได้จัดสรรให้กองทัพอากาศดำเนินการในการซ่อม ในปี 2548 ประมาณ 200 กว่าลำ เป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 2,431.037 ล้านบาท กองทัพอากาศไม่สามารถปรับแผนมาได้ เพราะว่าสภาพของเครื่องบินดังกล่าวก็ค่อนข้างที่จะใช้เวลามานานนะครับ ซึ่งก็ต้องส่งกำลังปกติ ทีนี้ถ้าเปรียบเทียบในปีงบประมาณ 2547 กับ 2548 ในรายการดังกล่าวนี้ กองทัพอากาศได้ถูกปรับลดในเรื่องการซ่อมมาเหมือนกัน เนื่องจากข้อจำกัดของวงเงินงบประมาณ โดยปี 2547 ทางกองทัพอากาศได้รับจัดสรรในเรื่องของค่าซ่อมบำรุงเครื่องบินทางสายช่างอาก าศ เป็นเงินทั้งสิ้น 2,534.675 ล้านบาท ในขณะที่ปี 2548 ที่วงเงินไม่เพียงพอ งบประมาณไม่เพียงพอ ได้ปรับลดลงมาประมาณ 2,431.37 ล้านบาท หรือปรับลดไป 103.638 ล้านบาท เพราะฉะนั้นแนวทางในการปรับแผนดังกล่าวเหล่านั้น ทางกองทัพอากาศจึงมีข้อจำกัดไม่สามารถปรับแผนได้นะครับ ประกอบกับระยะของการดำเนินการซ่อมบำรุงก็อยู่ในเกณฑ์ที่จะต้องดำเนินการตามก ฎเกณฑ์ เพราะไม่อย่างนั้นจะเกิดปัญหาในเรื่องของการใช้สภาพนั้นได้ สำนักงบประมาณจึงได้นำเสนออนุมัติวงเงินตามที่กองทัพอากาศขอนะครับ ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็เนื่องจากว่า เป็นวงเงินที่เกินกว่าอำนาจหน้าที่ของท่านผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ซึ่งสามารถอนุมัติงบกลางได้เพียง 10 ล้านบาท ก็ต้องเสนอไปตามลำดับชั้นนะครับ แล้วก็พอหลังจากได้รับอนุมัติในหลักการ จึงมีการพิจารณาอนุมัติดังกล่าว เป็นวงเงินทั้งสิ้นประมาณ 84.2317 ล้านบาท ขอบคุณครับ
ประธาน : ทีนี้ ทอ. จะขอเปลี่ยน 737-400 (หมายถึงเครื่องบินพระที่นั่งเดิมในปัจจุบัน) แนวโน้มเป็นอย่างไรครับ
นายอำ.. : 737-400 ในปีไหนครับ
ประธาน : ปี 2549
นายอำ.. : ปี 2549 ตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาอยากจะกราบเรียนท่านเพื่อทราบดังนี้ครับ เนื่องจากว่าแผนทางยุทธศาสตร์โดยเฉพาะแผนบริหารราชการแผ่นดินกำหนดในเรื่องของความมั่นคงไว้ในวงเงินค่อนข้างจำกัดนะครับ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ทางสำนักงบประมาณตอนนี้ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณานะครับ ก็ต้องพิจารณาโครงการที่มีลำดับความสำคัญต่ำกว่าออกไป โดยมอบหมายให้ทางส่วนราชการมาวิเคราะห์มาเรียงลำดับ Priority ของงานนะครับ อันนี้ขึ้นอยู่กับความจำเป็นของกองทัพอากาศที่เสนอมา หรือขึ้นอยู่กับลำดับความสำคัญเท่านั้นนะครับ
ประธาน : สำนักงบประมาณครับ เครื่องพระที่นั่งนะครับ
นายอำ.. : ส ำหรับในเรื่องของโครงการที่เป็นพระที่นั่งของพระบรมวงศานุวงศ์นะครับ ในแง่ของการเสนอคำขอทางสำนักงบประมาณไม่เคยติดขัดในเรื่องนี้เลยนะครับ เพราะถือว่าเป็นเรื่องที่จะต้องให้ความปลอดภัยและก็ในเรื่องของที่เป็นหลักป ระกันที่ควรจะให้ความมั่นคงแก่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงวงศานุ วงศ์ทุกท่าน หน่วยราชการใดที่ขอมาในเรื่องนี้ ทางสำนักงบประมาณเน้นเป็นลักษณะ Priority ที่พิเศษเลยนะครับ
ประธาน : ฝากไปยังฝ่ายนโยบายด้วยนะครับ
นายอำ.. : ใช่ครับ ต้องดูนโยบายด้วยครับ
ประธาน : เชิญคุณชัย...
นายชัย.. : เรียนท่านประธานครับ ผมกรรมาธิการ เมื่อกี้ผมฟังไม่ค่อยทันทีแรก เพราะว่าท่านประธานถามว่า กรณีเครื่องพระที่นั่งนี้ยังไม่ได้มีการจัดซื้อ ทางตัวแทนจากสำนักงบประมาณก็แจ้งว่า จัดซื้อในส่วน 319 (หมายถึงเครื่องบินไทยคู่ฟ้า) ไว้ก่อนตามมติคณะรัฐมนตรีนะครับ ผมก็สงสัยอยู่ และก็จะถามต่อไปเลยนะครับว่า กรณีเครื่องบินพระที่นั่งนี้มีอายุการใช้งานอย่างไร มีแผนจัดซื้อหรือไม่ หรือจะปรับปรุงอะไรอย่างไร เพื่อครอบคลุมตรงนี้ ขอความชัดเจนจากสำนักงบประมาณก่อนครับว่า การจัดซื้อเครื่องบินพระที่นั่งที่บอกว่าติดขัดในเรื่องงบประมาณที่พูดตั้งแต่เปิดทีแรกๆเลยนะครับ นี่คือประเด็นที่ 1
ประเด็นที่ 2 คือว่า เรามีแผนอย่างไรต่อไปเกี่ยวกับเครื่องบินพระที่นั่ง หรือปัจจุบันสภาพของเครื่องบินพระที่นั่งเป็นอย่างไร อันนี้จากกองทัพอากาศ แล้วก็เมื่อสักครู่ที่ทางตัวแทนจากสำนักงบประมาณได้ชี้แจงค่อนข้างละเอียดพอสมควร ถ้าเป็นไปได้ ส่วนที่ท่านอธิบาย ขอเป็นเอกสารนิดหนึ่งก็ดีนะครับ เพราะว่าบางตัวเลข เราก็ฟังไม่ทันเหมือนกัน อย่างเช่นกรณีตัวเลขที่จะต้องไปฝึกอบรม หรือไปตรวจรับ 17 ล้านบาทเศษ เราก็มองว่า เป็นตัวเลขที่สูงเหมือนกัน แต่ทีนี้เราก็อยากทราบรายละเอียดแล้วชัดเจนนะครับ
ประธาน : เชิญครับ
นายอำ.. : คือในเรื่องของเครื่องบินพระที่นั่งครั้งแรกนะครับ ถ้าหากว่าจะสังเกตเห็นในเรื่องของงบประมาณในการจัดซื้อ มันเริ่มตั้งแต่เดือนมกราคมที่ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีนี้นะครับ ในขั้นตอนนั้นผ่านการพิจารณากำหนดวงเงินไปเรียบร้อยแล้ว ทีนี้ว่าในกรณีอันนี้ทางสำนักงบประมาณก็เสนอไปที่กองทัพอากาศว่า ถ้าหากพิจารณาเห็นความจำเป็นในเรื่องนี้ ก็ให้ปรับแผนในเรื่องของการใช้จ่ายมาดำเนินกิจการดังกล่าว เพราะฉะนั้นในปี 2546 ในการจัดซื้อเครื่องบิน VIP ตัวนี้ (หมายถึงเครื่องบินไทยคู่ฟ้า) ก ็เป็นการดำเนินการดังกล่าว ส่วนเครื่องบินของพระบรมวงศานุวงศ์ที่จะต้องรองรับตรงนั้นนะครับ อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับที่ว่ากองทัพอากาศที่จะเสนอมาในแต่ละปีนะครับว่า ปีนี้ถ้าเสนอเข้ามาทางสำนักงบประมาณก็ต้องพิจารณาในกรณีพิเศษถือว่าเป็นลำดั บ Priority อยู่แล้วนะครับ แต่ถ้าหากว่า ปีไหนที่ยังไม่ได้เสนอมานี้ อันนี้ก็พิจารณาเพิ่มไม่ได้นะครับ แต่อย่างไรก็ตาม โดยเฉพาะในปี 2549 ที่ทางกองทัพอากาศได้กราบเรียนท่านว่า จะเสนอมาเพื่อที่จะแลกเปลี่ยนหรืออะไรก็แล้วแต่นะครับ อันนี้ทางสำนักงบประมาณต้องดูแลเป็นกรณีพิเศษอยู่แล้ว อันนี้กราบเรียนในขั้นต้นนะครับ ทีนี้ในแง่ของแนวทางในการจัดสรรงบประมาณนี้ในเรื่องดังกล่าวนะครับ อยากจะกราบเรียนนะครับว่า แนวทางดังกล่าวที่จะจัดสรรได้ก็ต้องขึ้นอยู่กับทางฝ่ายหน่วยราชการต่างๆ เสนอคำขอเข้ามา ถ้าหากว่าไม่ได้เสนอคำขอเข้ามานี้ ก็ไม่ทราบว่าจะพิจารณาอย่างไรนะครับ กราบเรียนเพื่อทราบครับ
นายชัย.. : ขอโทษครับ ส่วนเรื่องเอกสารทางสำนักงบประมาณพอส่งได้ใช่ไหมครับ รายละเอียดที่ชี้แจงเมื่อสักครู่ รายละเอียดเรื่องการใช้เงินนะครับ
ประธาน : ขอทั้งหมดนะครับ ว่าใช้อะไรไปบ้างเกี่ยวกับเรื่องนี้
นายชัย.. : ขอเชิญผู้แทนจากกองทัพอากาศเกี่ยวกับเรื่องเครื่องบินพระที่นั่งว่า เราจะดำเนินการจัดซื้อหรือปรับปรุงอย่างไรหรือไม่ แล้วปัจจุบันอายุการใช้งานเป็นอย่างไรนะครับ ก็ขอทราบเท่าที่ทราบได้
ประธาน : เมื่อกี้ก่อนคุณชัย...มา ชี้แจงไปบางส่วนว่า ปี 2549 ขอซื้ออีกทีหนึ่งนะครับ ขอเพิ่มเติมเลยครับ
พล.อ.อ.ช : ผมขอเรียนอย่างนี้นะครับ ในช่วงเมื่อกี้จะให้ข้อมูลที่อาจจะไม่ตรงนิดหนึ่ง มันจะพลาดนิดหนึ่งคือตัวเลขของปีนี้ ในปี 2547 เราทำเรื่องขอไปปรากฏว่า เมื่อกี้เช็คแล้ว ทางกรมยุทธการไม่ได้ทำเรื่องของบประมาณในการจัดซื้อสำหรับเครื่องพระที่นั่ง ขณะนี้เราได้ทำในปี 2549 คือจะเริ่มทำนะครับ
ประธาน : ก่อนนี้ไม่ขอเลยหรือ
พล.อ.อ.ช : ในส่วนของผู้ใช้งานเราพยายามขอครับ แต่ว่าในส่วนเมื่อการตั้งกฎเกณฑ์ไว้ว่าเราใช้ตัวเลขที่ 15 ปีในการพิจารณาดำเนินการในส่วนนี้จะทำให้การจัดหา เราสามารถที่จะรอในปีต่อไปได้เกี่ยวกับประเภทนั้นนะครับ เนื่องจากว่า 15 ปีของเครื่องพระที่นั่งนั้น ชั่วโมงบินเมื่อเทียบกันกับเครื่องของการบินไทย ประมาณ 25% ของเครื่องการบินไทยที่ทำการบินเท่านั้นเองครับ เพราะว่าจะบินเฉพาะนักบินพระที่นั่งจริงๆ เพื่อทำการฝึกซ้อม แล้วก็เครื่องบินปฏิบัติภารกิจจริงเท่านั้นครับ สำหรับปี 2549 ที่เราจะทำเรื่องไปแล้ว ก็คงขึ้นไปข้างบน ก็จะเป็นตัวเลข ขณะนี้ที่ผมถามข้อมูลแล้วเครื่องใหม่ก็คงจะเป็น 737-400 ไม่ได้ คงต้องเป็น 737-700 หรือ 737-800 ซึ่งอยู่ในสายการผลิต ราคามันอยู่ที่ประมาณ 70-80 ล้านเหรียญสหรัฐครับ
...................................................
เห็นหรือยังคร๊าบ...ว่า ทั้ง “ทหารอากาศไม่ขาดรัก” กะ “สำนักงกฯ” อุ๊ย..ไม่ใช่...ต้องสำนักงบฯถึงจะถูก...มีความคิดต่อเรื่องนี้อย่างไร คำตอบที่ออกมาจะเห็นว่า ตอบวนไปเวียนมา เมื่อถูกซักหนักๆเข้า...
เมื่อรู้ตัวว่า “พลาด” ไปแล้ว ก็มาเอาสีข้างเข้าถู!!!
เรื่องนึงที่เห็นชัดก็คือ ปีพ.ศ.ที่ยื่นขอจัดซื้อเครื่องบินพระที่นั่ง “ถวาย”
ตอนแรก...ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่า ทำเรื่องขอจัดซื้อถวาย โดยนำฮ.พระที่นั่ง 2 ลำไปแลก พอเหตุการณ์พลิกผัน มี “คนบ้าอำนาจ” อยากได้เครื่องบินมาเป็นของตัวเอง ก็เลยต้องถูกดองไว้
พอปีถัดมาทำเรื่องเสนอไปก็ถูกดองไว้อีก...เมื่อถูกซักหนักในที่ประชุม...สุดท้ายก็มาพลิกบอกว่า ไม่เคยขอ...เพิ่งจะมาเริ่มขอในปีงบประมาณ 2549 นี้เอง
เฮ้อ...คงไม่ต้องบอกนะว่า “ของร้อน” ทำอย่างไร...คนมันก็ร้อนรนนั่นเอง!!!
ต่อมา...หากสังเกตกันให้ดี !!!
ที่ถูกถามว่า...ระยะเวลาใช้งานของเครื่องบินพระที่นั่งเดิมคือ 737-400 นั้นกี่ปี...แรกๆ บอกว่า 13 ปี (ซึ่งก็ตรงพอดีกับปลายปี 2546 ที่ทำเรื่องขอเอาฮ.พระที่นั่ง 2 ลำไปแลก)
พอเรื่องราวไม่ใช่อย่างนั้น...ตอนหลังกลับมาบอกว่า ระยะเวลาใช้งานอยู่ที่ 15 ปี (ซึ่งจะมาสอดรับกับเวลานี้ที่เพิ่งตั้งแท่นชงเรื่องเข้าไปนั่นเอง)
ซึ่ง “พล.อ.อ.ช” ที่ว่านี้เป็นใคร...บอกใบ้ให้ก็ได้ว่า...เวลานั้น มีเก้าอี้ใหญ่คุม “กองบัญชาการยุทธการทางการอากาศ”
แต่ล่าสุด...ได้ดิบได้ดี...หญ่ายโตสุดๆ ในย่านดอนเมืองแล้ว...ชนิดที่เรียกว่า “ส้มหล่น”...เพราะมีรายการ “ฟ้ามีตา” สั่งสอน “ใครบางคน”
จากเดิมที่เคยมีลูกพี่-ลูกน้อง...ออกมาทำหน้าขึงขัง-พูดจาสามหาวว่า... “เซ็นไปแล้ว ใครก็มาเปลี่ยนไม่ได้”
แต่สุดท้าย...โผก็พลิก...ส้มหล่นมาตกที่... “พล.อ.อ.ช” คนนี้นั่นเอง!!!
ถามว่า...ระดับ “พล.อ.อ.ช” มีหรือ...จะตอบข้อมูลที่ผิดพลาดนี้ได้อย่างไร...ทั้งที่เป็นเรื่องที่สำคัญยิ่ง...พอรู้ตัวว่า “พูดพลาด” ตอนหลังถึงต้องมาบอกว่า...เช็คข้อมูลแล้ว “พลาดนิดนึง”...5555
นับเป็นเผือกร้อน...ที่ “พล.อ.อ.ช” รับไว้เต็มเปา-เต็มหัวอก...
ก็ไม่รู้ว่า...ส้มหล่น “เก้าอี้” หญ่ายตกใส่...จะต้องมาเป็น “แพะ” ให้กับ “ใครบางคน” อีกหรือเปล่าน้า
เพราะ “ใครบางคน” ที่เดินเกม-ชงเรื่องนี้...เป็นอดีตทหารอากาศผู้ไม่เคยขาดรัก...(จริงๆ)...เพราะเป็นผู้กุมบังเหียนนั่งยิ้มแป้นอยู่ที่ดอนเมืองในห้วงเวลานั้นพอดิบพอดี
และอย่าลืมว่า...อำนาจในการชงเรื่องซื้อเครื่องบิน-อำนาจในการอนุญาตให้ใครจะใช้เครื่องบินได้นั้น...อยู่ที่ “คนโต” ของค่ายทัพฟ้าดอนเมืองเท่านั้น
อยากรู้หรือไม่ว่า “ทหารอากาศไม่ขาดรัก” คนที่ว่านี้...เป็นใคร???
ก็คนที่เป็น “ผัวเพื่อนสนิท” ของ “นายหญิง” นั่นเอง
แถมเวลานี้ได้ดิบได้ดี โดยอาศัยวาสนาของ “เมีย” ที่เอ่ยปากขอร้องกับเพื่อนสนิทและเป็นเจ้านายเก่าว่า “ขอให้ผัวฉันได้เป็นเสนาบดีกับคนอื่นเค้าบ้างได้มั๊ยจ๊ะ”
เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า...ยามนี้ “เพื่อนสนิท” ของ “นายหญิง” คนนี้...เจ็บกระออดกระแอด ต้องพักรักษาตัว “ขนานใหญ่”
เมื่อเอ่ยปากเช่นนี้...มีหรือ “นายหญิง” จะใจไม้ไส้ระกำ...
เพราะรู้กันอยู่ว่า...ใครใกล้ชิด-มักได้ดี, ใครสวามิภักดิ์-มักเติบโต, ใครเชลียร์เก่ง-มักก้าวหน้า!!!
เพราะรู้กันอยู่ว่า...คอ-รอ-มอ ชุดนี้...ใครหญ่าย...
เพราะรู้กันอยู่ว่า...สื่อพากันขนานนาม “นิคเนม” กันว่า...คอ-รอ-เมีย
จนเป็นที่โจษขานกัน...อื้ออึงไปทั่วบ้านทั่วเมือง!!!
เพียงแค่นี้...ก็พอจะเห็นภาพได้แจ่มแจ้งขึ้นบ้างหรือยังว่า...ทำไม...ทำไม...ทำไม...และทำไม...ถึงต้องแบบนี้!!!
อย่างที่บอกสัปดาห์นี้...ไต่กอ-ขอบอกเรื่องราวที่อาจจะดูว่า...ผิดสไตล์...แต่เห็นแล้ว “ขอบอก” จริงๆว่า...มัน(หน้าด้าน)...ทำกันได้
ก็ได้แต่รอดูว่า...เมื่อ “ฟ้ามีตา” แล้วนั้น...สุดท้าย “สวรรค์” จะลงโทษ “คนบ้าอำนาจ” พวกนี้...อย่างไร...555
http://www.thaiinsider.com/ShowNews.php?Link=News/NaNaJitTang/2005-12-03/12-28.htm