เพื่อชีวิต..ใคร???

วันพฤหัสบดี, พฤศจิกายน 08, 2550

ใครโกงกระทรวงไอซีที?

โดย หมายเหตุผู้จัดการ 8 พฤศจิกายน 2550 14:32 น.

หลังจากมีข่าวแพลมออกมาเมื่อราว 6-7 เดือนที่ผ่านมาว่ามีการฉ้อฉลโกงเงินของกระทรวงไอซีทีจำนวน 33 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราวๆ 1,122 ล้านบาทแล้ว ก็มีการปฏิเสธและบ่ายเบี่ยงกันจ้าละหวั่น

ในที่สุด คตส. ก็ได้เข้าตรวจสอบเรื่องนี้ และผลการตรวจสอบเบื้องต้นก็ปรากฏพิรุธและมีความชัดเจนขึ้นแล้วว่ามีการโกง กระทรวงไอซีทีแน่

คง เหลือแต่ว่าใครโกง ใครร่วมขบวนการโกง และจะทำอย่างไรกับพวกขี้โกงเหล่านั้น ตลอดจนจะทำอย่างไรจึงจะเอาเงินที่โกงไปกลับคืนให้กับกระทรวงไอซีทีได้

เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เพราะเป็นการโกงกันดื้อๆ และที่น่าเจ็บใจที่สุดก็คือพวกร่วมขบวนการโกงยังคงเชิดหน้าชูคอร่วมอยู่ใน รัฐบาลเต่านี้อย่างหน้าตาเฉย

ก็เป็นธรรมดาดังที่มีคำพังเพยไทยว่าไว้ว่ามูถก็อยู่กับมูถ คูถก็อยู่กับคูถ พูดง่าย ๆ ก็คือเยี่ยวก็ต้องอยู่กับเยี่ยว ขี้ก็ต้องอยู่กับขี้ โจรก็ต้องอยู่กับโจรด้วยกัน

เรื่อง ราวนี้เกิดขึ้นในกระทรวงไอซีทีเมื่อครั้งที่คุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและรักษาการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงไอซี ทีเป็นผู้บริหารอยู่ในกระทรวงไอซีที ร่วมกับนายสรรเสริญ วงศ์ชะอุ่ม และนายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชนคนปัจจุบัน

พูดให้ชัดก็คือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในยุครัฐบาลก่อน แต่มาอื้อฉาวขึ้นในยุคนี้ และ คตส. กำลังตรวจสอบอยู่ คาดว่าคงจะได้ผลชัดเจนในอีกไม่นานนี้

มูลเหตุของเรื่องราวเกิดขึ้นจากการที่บริษัทชินแซท ซึ่งวันนี้เป็นบริษัทของสิงคโปร์ไปแล้วได้รับสัมปทานจากรัฐให้สร้างดาว เทียมเพื่อการโทรคมนาคม แล้วยิงขึ้นไปอยู่ในจุดโคจรในอวกาศ ซึ่งเป็นสิทธิ์ของประเทศไทย โดยผู้รับสัมปทานจะต้องสร้างดาวเทียมสำรองอีกดวงหนึ่งเผื่อดาวเทียมดวงนี้ เสียก็จะใช้ดาวเทียมสำรองแทนได้ทันที

มีข้อตกลงให้ดาวเทียมที่สร้างขึ้นนี้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของกระทรวงไอ ซีที แต่ผู้รับสัมปทานคือบริษัทชินแซทเป็นผู้ใช้และหาประโยชน์จากดาวเทียมดัง กล่าวได้ เป็นเหตุให้กลุ่มชินมั่งคั่งร่ำรวยมหาศาลจากการใช้สอยทรัพย์สมบัติของชาติ ซึ่งความจริงก็คือทรัพย์สมบัติของคนไทยนั่นเอง

เมื่อ บริษัทชินแซทเป็นผู้ใช้และได้รับประโยชน์จากดาวเทียมดังกล่าว จึงมีข้อตกลงด้วยว่าบริษัทชินแซทจะต้องเป็นผู้จ่ายค่าเบี้ยประกันเพื่อ ประกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับดาวเทียมนี้ และถ้าเกิดความเสียหายขึ้น บริษัทประกันจะต้องจ่ายค่าเสียหายให้กับกระทรวงไอซีที ซึ่งต้องนำเงินส่งเข้ากระทรวงการคลังตามระเบียบ

ปรากฏว่านับแต่มีการยิงดาวเทียมแล้วก็ยิงกันเพียงดวงเดียวเท่านั้น ส่วนดาวเทียมสำรองมีการผิดสัญญาและยังไม่มีการยิงขึ้นไปสำรอง จนกระทั่งถึงวันนี้ โดยที่ผู้รับผิดชอบที่ขี้โกงทั้งหลายทำเป็นเพิกเฉย

เอื้อประโยชน์ให้กับผู้รับสัมปทานไม่ต้องจ่ายค่าดาวเทียมสำรองร่วม 10,000 ล้านบาท แต่ประเทศชาติเสียหาย

ต่อมาปรากฏว่าหลังจากมีการยิงดาวเทียมและใช้ดาวเทียมเพื่อประโยชน์ ของบริษัทชินแซทไประยะหนึ่งก็เกิดความเสียหายขึ้นกับช่องส่งสัญญาณของดาว เทียมถึง 2 ช่อง หรือที่เขาเรียกว่าเกิดความเสียหายกับ transponder ถึง 2 ช่อง และไม่มีทางที่จะซ่อมแซมได้

ดังนั้นดาวเทียมดวงนี้จึงใช้สอยได้น้อยลงกว่าที่กำหนด เพราะที่เสียหาย 2 ช่องสัญญาณนั้นใช้การไม่ได้

เมื่อ เกิดความเสียหายขึ้นบริษัทประกันภัยในต่างประเทศจึงมีหน้าที่ต้องจ่ายค่า เสียหายให้กับกระทรวงไอซีที ซึ่งได้มีการคิดค่าความเสียหายกันเรียบร้อยแล้ว เป็นมูลค่าความเสียหายจำนวน 33 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 1,122 ล้านบาท

แต่ในขณะที่มีการจ่ายเงินค่าเสียหายดังกล่าวนั้น อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ระดับ 42 บาทต่อเหรียญดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้นเมื่อคิดเป็นเงินไทยจึงมีจำนวนค่าความเสียหายเป็นเงิน 1,386 ล้านบาท

เมื่อจะมีการใช้ค่าเสียหายดังกล่าว บรรดาผู้เกี่ยวข้องทั้งหลายล้วนรู้ดีว่าค่าเสียหายที่บริษัทประกันภัยจ่าย ให้นั้นจะต้องจ่ายมายังกระทรวงไอซีที เพราะเป็นเงินของกระทรวงไอซีที และต้องนำส่งกระทรวงการคลัง

แต่ ปรากฏว่ามีขบวนการไอ้โม่งกลุ่มหนึ่งต้องการโกงชาติอย่างหน้าด้านๆ โดยคิดว่าไม่มีใครรู้เรื่องนี้ และเชื่อว่าอำนาจรัฐที่แข็งแกร่งในขณะนั้นจะไม่มีวันล้มลง จะไม่มีใครสามารถตรวจสอบติดตามเอาคืนได้ จึงร่วมคิดกันโกงเงินจำนวนนี้

เขาโกงกันโดยยักยอกเงินจำนวนนี้ ซึ่งแทนที่จะต้องจ่ายให้กับกระทรวงไอซีทีแล้วนำส่งกระทรวงการคลังตามกฎหมาย และระเบียบ กลับโกงเอาดื้อๆ โกงให้กับบริษัทชินแซท โดยแจ้งบริษัทประกันให้จ่ายเงินค่าเสียหายดังกล่าวแก่บริษัทชินแซท แทนที่จะต้องจ่ายให้กับกระทรวงไอซีที

อ้างว่าเพื่อให้บริษัทชินแซทเอาไปซ่อมความเสียหายที่เกิดขึ้น ซึ่งรู้ดีกันอยู่แล้วว่าไม่มีการซ่อมเพราะซ่อมไม่ได้ ใครๆ ก็รู้ว่าจะเอาช่างที่ไหนขึ้นไปซ่อมดาวเทียมในอวกาศได้

เป็น การโกงกันดื้อๆ หน้าตาใส แต่เพื่อป้องกันไม่ให้ใครล่วงรู้จึงแจ้งให้บริษัทประกันโดยเงินจำนวน 33 ล้านเหรียญสหรัฐ ไปเข้าบัญชีของบริษัทชินแซทที่ประเทศสิงคโปร์

แต่เป็นธรรมดาของการก่ออาชญากรรมที่ต้องทิ้งร่องรอยไว้เสมอ เพราะเมื่อมีการโอนเงินไปเข้าบัญชีบริษัทชินแซทที่สิงคโปร์แล้ว บริษัทชินแซทก็ได้บันทึกเงินดังกล่าวว่าเป็นรายได้ของบริษัท และเมื่อบันทึกบัญชีก็ต้องรายงานต่อตลาดหุ้นตามระเบียบ

เมื่อ บันทึกบัญชีเป็นรายได้ก็ต้องเสียภาษี แต่พวกขี้โกงก็ยังโกงกันต่อไปโดยสมรู้ร่วมคิดกันขอคืนภาษีอีกจำนวน 33 ล้านบาท ซึ่งกรมสรรพากรก็ใจดีคืนให้แต่โดยดีทั้งจำนวน อ้างว่าเป็นเงินที่ได้จากความเสียหายจากการประกัน จึงไม่ต้องเสียภาษี

เห็นหรือยังพระคุณท่านว่าโกงกันดื้อๆ โกงกันด้านๆ และไม่แยแสต่อใครทั้งนั้น! ครั้นพอถูกจับได้ก็งึมๆ งำๆ เป็นทำนองว่ากระทรวงไอซีทีให้โอนเงินดังกล่าวไปพักบัญชีไว้ที่ประเทศ สิงคโปร์ แต่เป็นการโกหกที่ไม่ตลอดรอดฝั่ง เพราะลืมตรวจสอบการบันทึกบัญชีของบริษัทชินแซท และรายงานที่ส่งต่อตลาดหุ้น ตลอดจนการขอคืนภาษี

วัน นี้จึงชัดเจนแล้วว่ามีการโอนเงินค่าเสียหายของดาวเทียมของกระทรวงไอซีทีไป เข้าบัญชีของบริษัทชินแซทที่สิงคโปร์ เป็นการโกงเงินอย่างชัดเจนที่สุด ไม่ใช่แค่โอนเงินไปพักไว้ในบัญชีของกระทรวงไอซีทีตามที่บ่ายเบี่ยงแต่อย่าง ใดเลย

คอยติดตามดูว่าพวกขี้โกงที่ยังลอยหน้าชูคออยู่ในรัฐบาลจะรับผิดชอบอย่างไร? และจะเอาเงินคืนได้อย่างไร?

ที่มา http://www.manager.co.th

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

สมัครสมาชิก ส่งความคิดเห็น [Atom]

<< หน้าแรก