เพื่อชีวิต..ใคร???

วันพุธ, พฤศจิกายน 30, 2548

ทนายโจทก์จับผิดพยาน พ.ต.ต.เงินคดีอุ้มทนายสมชาย ...

http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9480000164770

วันอังคาร, พฤศจิกายน 29, 2548

ข้อตกลง คุกลับ CIA

รัฐบาลไทยได้ทําข้อตกลงกับสหรัฐอเมริกาอย่างลึกลับเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2546 ข้อตกลงนั้นเขียนร่างโดยท่านสุรเกียรติ ตามคําสั่งของ
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เราควรรับฟังเอาไว้ แต่ก็ไม่ควรไปโทษรัฐบาลแต่อย่างใดเพราะจะทําให้เกิดความแตกแยกกันเอง อันเป็นเหตุให้สหรัฐอเมริกาเข้ามาแทรกแทรงได้มากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

ข้อมูลในจดหมายข้อตกลงนั้นเป็นหลักฐานให้เห็นได้ว่า มีพลเรือนและทหารจากหน่วยงานของสหรัฐมาปฎิบัติการในราชอาณาจักรจริง ตามข้อความที่หนึ่ง

" 1. For purposes of this Agreement, ‘persons" of either Party including all nationals of that Party and all current and former military personnel of that Party."

ซึงแปลได้ว่า....

" 1. สําหรับข้อตกลงอันนี้ 'บุคคล' ของทั้งสองฝ่าย (ไทยและสหรัฐ) ต้องรวมถึงบุคลากรของฝ่ายนั้นๆ และทหารและอดีตทหารทั้งหมดของฝ่ายนั้นๆ" การมีข้อตกลงระหว่างประเทศเช่นนี้ จึงแสดงให้เห็นว่ามี บุคคล ที่ทํางานกับสหรัฐมาในประเทศไทยจริง แต่ถึงอย่างนั้นก็ตามเราก็ควรพิจารณาต่อไป

" 2. Persons of one Party present in the territory of the other shell not, absent the express consent of the first Party. (a) be surrendered or transferred by any means to the international Criminal Court for any purpose, or (b) be surrendered or transferred by any other entity or third country, or expelled to a third country, for the purpose of surrender to or transfer to the International Criminal Court."

ซึงแปลได้ว่า....

" 2. บุคลากร ของ ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ที่อยู่ในพื้นที่ของอีกฝ่ายหนึ่ง จะต้องไม่ทําการดังต่อไปนี้โดยไม่ได้รับการยินยอมจากฝ่ายแรกก่อน(a) จับกุมหรือส่งตัวไปให้ศาลโลก (International Criminal Court) โดยวิธีใดก็ตาม(b) จับกุมหรือส่งตัวโดยฝ่ายอื่นๆ หรือประเทศที่สาม (ที่ไม่ใช่ไทยหรือสหรัฐ) หรือไล่ออกไปยังประเทศที่สาม เพื่อส่งตัวไปให้ศาสโลก (International Criminal Court) "

จากข้อตกลงที่สองนี้ รัฐบาลไทยจะไม่มีสิทธิส่งตัวทหารอเมริกันที่กระทําผิด หรือบุคลากร (CIA) ของสหรัฐที่กระทําผิดไปให้ศาลโลกพิจารณาเป็นอันขาด รัฐบาลไทยจะต้องขออนุญาตสหรัฐอเมริกาก่อน แม้ว่าบุคลากรของสหรัฐนั้นทําผิดกฎหมายแล้วก็ตาม

" 3. When the United States extradited, surrenders, or otherwise transfers a person of the Kingdom of Thailand to the third country, the United States will not agree to the surrender or transfer of that person to the International Criminal Court by the third country, absent the express consult of the Government of the Kingdom of Thailand. "

ซึงแปลได้ว่า....

" 3. หากสหรัฐจะส่งมอบตัวบุคลากรชาวไทยไปยังประเทศที่สาม สหรัฐอเมริกาจะไม่ส่งบุคลากรผู้นั้นไปยังศาลโลก โดยไม่ได้รับการอนุญาตจากรัฐบาลไทยก่อน " ข้อความนี้ชี้ในเห็นว่าสหรัฐอเมริกามีหน่วยงานลับในประเทศไทยจริง และมีอิสรภาพทางอํานาจพอที่จะจับกุมตัวคนไทยเมื่อไรก็ได้ เพียงแต่จะต้องขออนุญาตรัฐบาลไทยก่อนส่งตัวออกนอกประเทศเท่านั้น และที่สําคัญที่สุดคือ ข้อตกลงนี้แสดงในเห็นว่าจะต้องมีที่ควบคุมตัวนักโทษภายในราชอาณาจักรไทยอย่างแน่นอน

รัฐบาลไทยพยายามปกปิดการจัดตั้งศูนย์ Counter Terrorist Intelligence Center (CTIC) มาเกือบ 5 ปีแล้ว ศูนย์ลึกลับในภาคใต้นี้เป็นของสหรัฐอเมริกาและบริหารโดยหน่วยงาน CIA ตั้งแต่ปี 2001 เป็นต้นมา แต่ความลับนั้นกลับถูกเปิดเผยโดยรายงานของ Center for Strategic and International Studies (CSIS) ของสหรัฐเสียเอง

รายงานของ CSIS ได้กล่าวถึงการจัดตั้งศูนย์ CTIC ในภาคใต้เพื่อต่อต้านกลุ่ม JI และ Al Qaeda โดยมี CIA เป็นผู้วางโครงสร้าง ให้เงินทุนสนับสนุน และวางแผนการปฎิบัติงานทุกอย่าง นอกจากนี้แล้วตํารวจและทหารไทยที่เกี่ยวข้องก็อยู่ภายใต้การบัญชาการโดยตรงของ CIA

"Working directly with at least a score of CIA operatives, the Counter Terrorism Intelligence Center (CTIC) combines key personnel from Thailand's three main security agencies: the National Intelligence Agency; the Thai police, and the armed forces.The CTIC relies heavily on the CIA for its structure, guidance, and funding. The two agencies share facilities, equipment, and information on a daily basis....The Thai government, which has often asserted that Thailand is free of terrorist, has never publicly acknowledged the existence of the CTIC. "
(อ่านรายงานทั้งหมดที่ http://www.csis.org/tnt/ttu/ttu_0310.pdf )

จะเห็นได้ว่าการจัดตั้งศูนย์ CTIC นั้นเกิดขึ้นเพื่อผลประโยชน์ของสหรัฐอเมริกาเท่านั้น ผลกระทบที่จะมีต่อวัฒนธรรมในพื้นที่และสังคมของชาวบ้านในภาคใต้ จึงไม่ได้อยู่ในการพิจารณาของรัฐบาลไทยแต่อย่างใด นอกจากนี้แล้วการกระทําต่างๆของศูนย์ CTIC อาจทําให้เกิดความขัดแย้งภายใน เช่นนโยบายไล่ล่าและกักขังชาวบ้านมุสลิมที่ถูกกล่าวหาว่าต่อต้านสหรัฐอเมริกา

เจ้าหน้าที่ของ CTIC สามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยได้โดยไม่ต้องมีหมายจับ เพราะการทํางานของหน่วยงาน CIA ใน "War on Terrorism" นั้นไม่ได้อยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายไทยหรือแม้แต่กฎเกณฑ์ของ Geneva Convention เมื่อถูกจับกุมแล้ว ผู้ต้องหาก็ไม่มีสิทธิที่จะหารือกับทนายใดๆทั้งสิ้น แม้ว่าเขาจะเป็นผู้บริสุทธิก็ตาม จะเห็นได้จากกรณีของนาย จาเมา (นักโทษของ "War on Terrorism" ที่ Gauntanamo Bay)

"พวกเขาจะสอบสวนผมเป็นเวลา 12 ชั่วโมงติดกัน ในขณะที่ตรึงแขนผมไว้ด้วยโซ่ เมื่อผมไม่ยอมให้พวกเขาฉีดยา psychoactive drugs ผมก็ได้ยินเสียงผู้คุมฝรั่งทั้งหลายเร่งผีเท้า กันเข้ามาทางห้องขังของผม พวกเขามีกันทั้งหมดห้าคน ใส่ชุดเกราะเข้ามาเตะต่อยผม และตีด้วยไม้ตะบองจนผมเจ็บระบมไปทั้งตัว พวกเขาตะโกนพร้อมกันว่า Comply, comply, comply. Do not resist. Do not resist.ผู้คุมคนหนึ่งเตะผมอย่างแรงจนทําให้เกิดอาการอักเสบที่กระดูกสันหลังหลังจากนั้นอีกครึ่งชั่วโมงในขณะที่ผมกําลังเริ่มฟื้นตัวขึ้นมา ผู้คุมคณะที่สองก็เข้ามาเตะต่อยผมอีก ผู้คุมอเมริกันคนหนึ่งขู่ว่าจะฆ่าครอบครัวของผมให้สิ้น หลังจากนั้นเขาก็พาผมไปขังไว้ในห้องแคบมากๆที่ร้อนระอุในตอนกลางวัน พอตอนกลางคืนพวกเขาก็เปิดไฟในห้องให้สว่างจนนอนไม่หลับ รวมทั้งเปิดพัดลมอย่างแรงทําให้ห้องเย็นยะเยือก จนผมต้องลงไปหลบลมอยู่ใต้เตียง เขาต้องการทําลายผมทั้งทางกายและใจ....เพื่อให้ได้มาซึ่งคําสารภาพ....แม้ว่าผมจะเป็นผู้บริสุทธิ์ก็ตาม"

การกระทําทั้งหมดนี้ CIA มักจะใช้ตํารวจไทยเป็นเครื่องมือในการหาข้อมูลและจับกุม ซึ่งทําให้เกิดความแค้นเคืองระหว่างคนไทยด้วยกันเองเป็นอย่างมาก

---------------------------------

ข้อความทั้งหมดของข้อตกลง

"1. For purposes of this Agreement, 'persons" of either Party including all nationals of that Party and all current and former military personnel of that Party.

2. Persons of one Party present in the territory of the other shell not, absent the express consent of the first Party. (a) be surrendered or transferred by any means to the international Criminal Court for any purpose, or (b) be surrendered or transferred by any other entity or third country, or expelled to a third country, for the purpose of surrender to or transfer to theInternational Criminal Court.

3. When the United States extradited, surrenders, or otherwise transfers a person of the Kingdom of Thailand to the third country, the United States will not agree to the surrender or transfer of that person to the International Criminal Court by the third country, absent the express consult of the Government of the Kingdom of Thailand.

4. When the Government of the Kingdom of Thailand extradites, surrenders, or otherwise transfers a person of the United States of America to a third country,the Government of the Kingdom of Thailand will not agree to the surrender or transfer of that person to the International court by the a third country ,absent the express consent of the Government of the United States.

5. The Agreement will remain in force until one year after the date on which one Party notified the other of its intent to terminate this Agreement. The provisions of this Agreement shall continue to apply with respect to any act occurring ,or any allegation arising, before the effective date of termination.If the proposal set forth herein is acceptable to the Government of the Kingdom of Thailand ,this note and Your Excellency’s affirmative note in reply shall constitute an Agreement between our two Governments which would enter into Force on the date of Your Excellency’s note.”

I am pleased to inform Your Excellency that the undertakings contained in the above-quoted note are acceptable to my Government, and that Your Excellency’s note and this reply thereto constitute an Agreement between our two Government effective immediately. Accept, Excellency, the renewed assurances of my highest consideration

Surakiart Sathirathai
Minister of Foreign Affairs of Thailand
--------------------------------------

3 June B.E.2546(2003)
Excellency,I have the honor to acknowledge the receipt of Your Excellency’s Note dated 3 June 2003 ,reading as follows:“I have the honor to refer to recent discussions between representatives of the Government of the United States of America and the Government of the Kingdom of Thailand regarding the Surrender of Persons to the international Criminal Court and to propose the following Agreement:The Government of the United of America and the Government of the Kingdom of Thailand, hereinafter “ the Parties” Reaffirming the importance of bringing to justice those who commit genocide, crimes against humanity and war crimes.Recalling that the Rome Statute of the International Criminal Court done at Rome on July 17,1998 by the United Nations Diplomatic Conference of Plenipotentiaries on the establishment of the an International Criminal Court is intended to the complement and not supplant national criminal jurisdiction.Considering that the Government of the United States of America has expressed its intention to investigate and to prosecute where appropriate acts within the jurisdiction of the International Criminal Court alleged to have been committed by its officials, employees, military personnel or other nationals.Considering that the Government of the Kingdom of Thailand has signed the Rome Statute of the International Criminal Court on October 2,2000Bearing in mind Article 98 of the Rome statute:Hereby agree as follow:

His Excellency
Darryl N. Johnson
Ambassador Extraordinary and Plenipotentiary,
Embassy of the United States of America

posted by Thai Friend Forum at 11/14/2005 03:57:00 AM
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9480000164683

วันอาทิตย์, พฤศจิกายน 27, 2548

ฤาจะสิ้นชาติ(ไทย) จริงๆ

คห.ที่ 20 ผมเห็นด้วย 100% สหรัฐฯ และยุโรป ต่า
งวางแผนเรื่องนี้มาเป็นเวลานานมากแล้ว นับตั้งแต่สิ้นสงครามโลกครั้งที่ 2 เนื่องจากการสูญเสียอาณานิคม ในการปกครองของตน ดังนั้น ในยุคนี้การเริ่มจักวรรดินิยมใหม่ เข้าฉลาดกว่ามากๆ เขาใช้ข้อตกลงนานาชาติ มาเป็นตัวนำ เพื่อให้เกิดการครบงำทางเศรษฐกิจและการเมืองในประเทศต่างๆ วิธีการจะครอบงำประเทมศต่างๆให้ง่ายที่สุด คือ การแบ่งซอยประเทศต่างๆ ให้เป็นประเทศเล็กๆ ด้วยการสนับสนุนเบื้องหลังการทำสงครามเพื่อแบ่งแยกดินแดน ทำให้ประเทศต่างๆ ต้องอยู่กับการทสงคราม ไม่มีเวลาพัฒนาประเทศ และต้องมีการกู้ยืมเงินจาก IMF หรือ World Bank ซึ่งสถาบันทั้ง 2 ได้ผูกขาดแล้วว่าผู้อำนวยการ IMF ต้องมากจากยุโรป และ ผู้อำนวยการ World Bank ต้องมากจาก สหรัฐฯ ซึ่งสถาบันทั้ง 2 จะกำหนดเงือนไขที่สำคัญ คือ ให้รัฐบาลทำการแปรรูปกิจการของรัฐให้เป็นเอกชน และเปิดโอกาสให้ทุนต่างชาติ เข้ามาผูกขาดและครอบงำ ดังนั้น กิจการพื้นฐานของประเทศจะถูกผูกขาดโดยทุนต่างชาติ โดยที่รัฐบาลไทยจะไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะหากรัฐบาลเคลื่อนไหว สหรับฯ หรือ ยุโรป ก็จะส่งกองกำลังของตนเองเข้ามาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตนเองในประเทศนั้นๆ และนี่คือวงจรที่เป็นแผนการที่สหรัฐฯ พยายามดำนินการมาโดยตลอด นั่นคือ การแบ่งแยกและครอบครอง (divide and conquer) โดยไม่จำเป้นต้องใช้วิธีการล่าอาณานิคมแบบใช้กำลังเหมือนสมัยก่อน จะเห็นว่า สหรัฐฯ และยุโรปรำรวย แท้ที่จริงมิได้เกิดขจึ้นจากความสามารถของเขา หากแต่เกิดจาการขโมยทรัพยากรและความเจรฺญของชาติต่างๆทั้วโลก ไปปรนเปรอประชาชนของตนเอง ดังนั้น อย่างไรก็ตาม กลไกนรัฐบาลและภาคการเมืองที่ดี จะป้องกันปัญหาดังกล่าวได้บ้าง แต่ขณะนี้ ดูเหมือนรัฐบาลจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ประเทศชาติแตกแยกตามแผนการที่สหรับฯ วางไว้ เพราะ
1. หากมีประเทศใหม่ ก็จะต้องมีผผู้ปกปครงประเทศ ซึ่งโดยทั่วไปในปัจจุบัน เข้าใช้การปกครองระบบประธานาธิบดี เนื่องจากไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์ เฉกเช่นที่เคยมี ดังนั้น ย่อมสอดคล้องกับข้อสังเกตที่ 19 ว่า รัฐบาลต้องการล้มล้างสถาบันพระมาหกษัตร์ เพื่อก้าวขึ้นมาเป็นประธานนาธิบดี
2. ประเทศใหม่ที่เกิดขึ้น จะอ่อนแอ้กินกว่าที่จะมาต่อรองกับมหาอำนาจได้ ดังนั้น สหรัฐฯ และยุโรป ก็จะครองควงามปเนจักวรรดิยิยมได้ตลอดกสล โดยฌฉพาะหากต้องมีการต่อสู้ตลอดเวลาด้วย ก็จะไม่มีโอกาสพัมนาตนเอง
3. หากประเทศใดได้ผูนำที่เข้มแข็งเป็นคนที่ไม่อยู่ใตอำนาจสหรัฐฯ ก็จะใช้วิการกล่าวหาว่าปเนผู้อยู่เบื้องหลังการก่อการร้าย หรือ ละเมิดสิทธิมนุษยชน เป็นต้น เพื่อหาทางกำจัดบุคคลเหล่านั้น และอยู่เบื้องหลังคณะรัฐบาลชุดใหม่ ดูอิรก อัฟกานิสถานเป็นตัวอย่าง และอีกไม่นานก็จะเกิดกับอิหร่านและ ซีเรีย รวมทั้ง เกาหลีเหนือ

ทุกท่านโปรดทราว่า สาเหตุสำคัญประการหนึ่งของการก่อความไม่สงบในภาคใต้ คือ การเข้ามาแทรกแซงโดย CIA สหรัฐฯ ร่วมกับกองกำลังส่วนบุคคลที่ ใครบางคนหน้าเหลี่ยม จัดตั้งขึ้น เพื่อก่อความไม่สงบ และหาสาเหตุในการออกกฎหมาย รวมอำนาจ รวมศุนย์ไว้ที่ตนเอง เช่นเดียวกับ พรก. ที่ออกมาสำหรับจังหวัดชายแดนใต้ นอกจากนี้ การท่ประเทศหทยอมให้สิงคโปร์มาตั้งฐานทัพที่อุดรธานี และกาญจนบุรี อาจป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังเพื่อช่วยเหลือใครบางคนในประเทส ป้องกันการปฏิวัติ อย่าลืมว่า กองกำลังสิงคโปร์ที่มาตั้ง คือ กองทัพ F 16 ที่ทรงพลานุภาพ หากเพียงแค่สิงคโปร์คิดเล่นงานไทย ก็ยากที่จะป้องกันตัวอยู่แล้ว ไม่เคยมีชาติใดในโลกยอมให้กองกำลังชาติอื่นๆมาตั้งในประเทศของตน เพื่อฝึกเคี่ยวล็บ นอกจากประเทศที่ไม่อาจป้องกันตนเองได้ เช่น เกาหลีใต้ ญี่ป่น หรือ ประเทศที่ถูกยึดครองอย่างไม่ชอบธรรม เช่น อิรัก เป็นต้น

4 ปี ที่ผ่านมา บุคคลหน้าเหลี่มได้พยายยามทุกวิธีทางในการครอบงำชาติ โค่นล้มศาสนา และพระมหากษัตริย์ หวังว่า เราจะติดตามให้เท่าทันความคิดเหล่านี้ และป้องกันประเศของเราอย่างเต็มที่

รักเธอประเทศไทย
เราต้องสู้เพื่อประเทศไทย



ความคิดเห็นที่ 21
ไม่อยากคิดมาก เจอกันวันที่ 9 ก้อแล้วกัน ขอให้มากันครบ 5 แสน
คนใต้สุดสยาม



ความคิดเห็นที่ 20
2553 จุดจบประเทศไทย......ถ้ายังเป็นคนไทยอยู่ช่วยอ่านด้วย

เรื่องนี้คนไทยทุกคนควรที่จะได้รู้.....ประเทศต่าง ๆ ในโลกนี้มีเกิด มีดับ ตลอดเวลา.....ประเทศไทยก็ไม่พ้นวิถีนี้เช่นกัน

สืบเนื่องจากการบรรยายของคุณนิติภูมิ ซึ่งเป็นสื่อมวลชน จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยมอสโค

ซึ่งเป็นสถาบันที่สตาลินสร้างขึ้นเพื่อสร้างภูมิปัญญาหวังครองโลกในสมัยหนึ่ง

เมื่อหลายปีก่อนคุณนิติภูมิ ได้ทำนายไว้ว่า ประเทศอินโดนีเชียจะแตกเป็น 6-14ประเทศ

ซึ่งในตอนนั้น นักรัฐศาสตร์ในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ หัวเราะจนฟันกระเด็น

แต่ต่อมาพอปี 2542 เหตุการณ์เริ่มเป็นจริง! ประเทศอินโดฯได้เริ่มแตกเป็น ติมอร์

และตอนนี้ก็กำลังจะเกิดประเทศอาเจะ และอีกหลายประเทศที่จะเกิดตามมา

ในวันที่ 11 ธันวาคม 2543 ที่ผ่านมาที่งานคนดีศรีสังคม ณ หอประชุมวัฒนธรรมฯ

คุณนิติภูมิได้บรรยายว่า ประเทศไทยจะต้องแตกเป็นประเทศใหม่อีก 4 - 6 ประเทศ แน่นอน!

ทั้งนี้ไม่ใช่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เกิดขึ้นอย่างมีกระบวนการ โดยสถานการณ์จะเริ่มชัดขึ้นในปี 2553

ซึ่งเป็นปีที่ข้อตกลง GATTs จะเริ่มมีผลสมบูรณ์ การค้าเสรีจะมีผลสมบูรณ์

สินค้าเกษตรต่าง ๆ จากต่างประเทศจะทะลักเข้ามาในประเทศไทยจำนวนมหาศาล

ในขณะที่เกษตรกรของไทยจะไม่กินสินค้าเกษตรของไทยด้วยกัน

และสินค้าเกษตรของไทยก็จะขายไม่ออกเนื่องจากมีต้นทุนที่สูงกว่าสินค้าเกษตรจากต่างประเทศ

ประกอบกับการที่การพัฒนาการเกษตรของไทยได้พัฒนาอย่างผิดทิศทาง

เป็นการพัฒนาแบบปลูกพืชเชิงเดี่ยว ทำให้คนปลูกลำใยไทยก็จะปลูกแต่ลำใย

จะกินข้าวก็ต้องซื้อข้าวเวียดนามมากิน คนปลูกข้าวไทยก็ต้องไปซื้อหอมกระเทียมจากจีนมากิน

คนปลูกหอม กระเทียมจะไม่ซื้อลำใยจากไทยแต่จะไปซื้อจากเกาหลีมากิน

เป็นวงจรอย่างนี้ทำให้สินค้าเกษตรของไทยขายไม่ได้

เพราะแม้แต่เกษตรกรไทยด้วยกันก็ยังไม่ซื้อของเกษตรไทยด้วยกันมากิน

เนื่องจาก สินค้าของต่างประเทศมีต้นทุนถูกกว่าสินค้าเกษตรของไทยมีต้นทุนที่สูงกว่า

เพราะใช้ปัจจัยการผลิตปุ๊ยของต่างประเทศ พันธุ์พืชก็ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ

เนื่องจากในอีก 10 ปีข้างหน้าพันธุกรรมท้องถิ่นจะถูกทำลายจาก GMOs

และเมื่อเกษตรกรไทยซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ร้อยละ 80 ของประเทศอยู่ไม่ได้

วิกฤตที่มหาโหดสุดก็จะเกิดขึ้นกับประเทศไทย รัฐบาลไทยจะไม่มีปัญญาที่จะแก้ไขปัญหาได้

เพราะมาตรการทางการเงินก็จะใช้ไม่ได้ เนื่องจากธนาคารไทยกลายเป็นของต่างประเทศหมดแล้ว

ไฟฟ้าก็แพงขึ้น น้ำมันก็แพงขึ้น โทรศัพท์แพงขึ้นเนื่องจากวิสาหกิจเหล่านี้กลายเป็นของต่างชาติหมดแล้ว

เขาสามารถตั้งราคา ได้ตามใจชอบถ้ารัฐบาลไปขอให้ลดราคาก็จะได้รับคำตอบว่า เขาจะไม่มีกำไร

ธุรกิจจะอยู่ได้ด้วยกำไรเท่านั้น ถ้าเขาไม่มีกำไรเขาก็จะตัดน้ำ ตัดไฟ ตัดโทรศัพท์

คุณเลือกเอาว่าจะยอมจ่ายในราคาที่แพงหรือว่าจะยอมไม่มีใช้

ดังนั้น รัฐบาลในอนาคตจะได้แต่นั่งทำตาปริบ ๆ ๆ เมื่อเกษตรกรไทยอยู่ไม่ได้

การขายที่ดินราคาถูก ๆ และจำนวนมหาศาลจะตามมา คนที่มีกำลังซื้อก็คือชาวต่างชาติ

ซึ่งปัจจุบันก็ปรากฏแล้วว่าที่ดินบริเวณภาคตะวันออกได้ถูกต่างชาติกว้านซื้อไปเป็นจำนวนมากแล้ว

เกษตรกรไทยที่ขายที่ดินได้ ก็ไม่ามารถนำเงินที่ได้ไปลงทุนให้เกิดรายได้ได้

เพราะธุรกิจอื่นได้ตกอยู่ในกำมือของต่างชาติแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการค้าปลีกก็ตกอยู่ในมือของ Big C, Lotus,

Carrefour,ธุรกิจอาหารก็ตกอยู่ในมือของ KFC, Pizzahat, McDonal,สิ่งทอเสื้อผ้าก็ของพวกฝรั่งเศส ฯลฯ

ดังนั้น เงินตราของไทยก็มีแต่จะถูกดูดออก เหมือนกับคนที่เลือดไหลไม่หยุด...

เมื่อคนจนอยู่ไม่ได้...รัฐจะอยู่ได้ฤา ?

4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะเป็นแห่งแรกที่จะขอแยกตัวออกจากประเทศไทย

เนื่องจากความแตกต่างที่เห็นชัดเจนและความแตกต่างทางวัฒนธรรม ในปี 2553

คนไทยภาคใต้จะเห็นด้วยกับการแยกประเทศ เพราะเห็นความล้มเหลวของรัฐบาลไทย

การเมืองไทย การคัดค้านจะน้อยลง การสนับสนุนให้แยกจะทวีความรุนแรงขึ้น

จนรัฐบาลไทยไม่สามารถควบคุมได้ถ้ารัฐบาลใช้กำลังทหาร ก็จะถูกต่างชาติส่งทหารมาต่อต้านกองทัพไทย

ซึ่งแน่นอนกองทัพไทยไม่มีปัญญาไปต่อสู้อยู่แล้ว การแยกตัวจะสำเร็จได้ในไม่นาน

จากนั้น ภาคตะวันออก บริเวณจันทบุรี ตราด ระยอง ฉะเชิงเทรา จะขอแยกตัวตามมา

เนื่องจากที่ดินแถบนั้นกลายเป็นของต่างชาติหมดแล้ว

เนื่องจากที่ดินบริเวณดังกล่าวถูกใช้เป็นแหล่งพันธุกรรมของต่างชาติ ทั้งสมุนไพร อาหารต่าง ๆ

เมื่อรัฐบาลไทยเป็นอุปสรรคของต่างชาติ การขอแยกตัวก็จะทำได้ไม่ยาก

นั่นหมายถึง การซื้อประเทศไทย คล้ายกับที่สหรัฐอเมริกาซื้อรัฐ Alaska จาก Russia

ถ้าไทยต่อต้าน เจอทหารต่างชาติแน่

เราจะเตรียมรับมือกับวิกฤติในอนาคตอย่างไร ?

ผมติดตามงานเขียนคุณนิติภูมิ มาหลายปี และสิ่งที่เขียนในไทยรัฐหน้า 2 เกือบทุกวันนั้น

ไม่น่าเชื่อเลยว่า หนังสือพิมพ์ต่างประเทศจะเอาข้อมูลงานเขียนของนิติภูมิ

ไปแปลลงหนังสือพิมพ์ต่างประเทศ ในการวิเคราะห์

บ่อยครั้งที่นิติภูมิ มองการค้า การเมือง สังคมไปพร้อมกัน

รวมทั้งประวัติศาสตร์เขามอง อาเจนติน่า ก่อนล่มสลายทางเศรษฐกิจ

ก่อนล่มจริง...เขาทำนาย การเกิดสงคราม อเมริกากับอิรัค ข้อคิด รวมทั้งอนาคตชาวเชเชนไว้น่าสนใจ

ผมว่า สิ่งที่เขาพูดเป็นไปได้นิติภูมิ ทำให้ผมต้องกลับมาซื้อของโชห่วยของคนไทย

แทนที่ไปเดิน big-c, lotus, careflour, เพราะผมบอกแม่บ้านและลูก ๆ ว่า

เราซื้อของร้านโชห่วย ข้างบ้าน ไม่ต้องไปห้างใหญ่อีกเพราะอะไร

เพราะเราไป คาร์ฟู เงิน 100 บาทที่เราจ่ายไปจะไปสู่ฝรั่งเศส 86บาท เหลือให้คนไทย 14 บาท

เพราะของต่างชาติเกือบ 100 เปอร์เซนต์ บิกซี โลตัสเหมือนกัน

นิติภูมิเคยเอาเปอร์เซนต์ที่ต่างชาติถือหุ้นมาลงให้ดู ของ 3 ห้างดัง

ผมตกใจมาก และตัดสินใจซื้อน้ำปลาข้างบ้านตั้งแต่วันนั้น

เพราะว่าต่างชาติถือหุ้นกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ แล้วบางห้าง 86 ปอร์เซ็นต์

สอนลูกว่ามันจะแพงกว่าห้าง 3 บาท ก็ซื้อที่นี่มันจะแพงกว่า 5 บาทก็ซื้อที่นี่

เพราะมันจะเป็นภาษีคนไทย กลับมาหาลูกเอง ผมคิดแบบนี้จริง ๆ ๆ

ถ้าซื้อจากห้าง 1,000บาท มันไหลไปต่างประเทศ 900บาท ที่เหลือ 100 บาท

ที่เห็นจ่ายค่ายามเฝ้าห้างไง มองอาเจนติน่าง่ายนิดเดียว

ห้างต่างชาติบุกไปตั้งมากกว่า 400 ห้าง ทั่วประเทศ

คนอาเจนติน่าจึงทำเงินส่ง คาร์ฟู ส่งห้างต่างชาติ เกือบ100 เปอร์เซ็นต์

เงินคนทั้งชาติของชาวอาเจน จึงไหลไปหมด ในประเทศจึงไม่เหลืออะไร

ทางสุดท้ายที่ไม่น่าเชื่อเลยว่าทำได้ ผมพาลูกผมหัดทานขนมกรอบให้น้อยลง

เลิกกิน kfc และพยายามทานให้ลดลง และจำนวนหน ต่อปีน้อยสุด

ผมอธิบาย วิธีสิ้นชาติแบบทางเศรษฐกิจตั้งแต่เริ่มจนจบให้เด็กที่บ้าน และลูกฟัง

หัดให้ลูกมาทานบัวลอย ขนมชั้น ข้าวเหนียวเปียกแทน ถั่วดำข้าวเหนียว ดีครับ

ได้ผล...ลูกเปลี่ยนวิธีกิน... วิธีคิดไปเลย... เปลี่ยนไปได้มาก

พอเย็นสั่งผมซื้อเต้าส่วนบ้าง ขนมชั้นบ้าง ลูกเดือยบ้าง

ผมพูดนิดนึงที่เขาเข้าใจคือ ผมไปตลาดซื้อไก่ทอดแม่ค้ามา 3 ขาไก่ทอดแบบไทย ๆ

แล้วผมไป kfc ซื้อมา 3 ชิ้น เลือกน่องครับเหมือนกัน ราคาต่างกันลิบเลย

ผมก็อธิบายคำว่า license (ค่าลิขสิทธิ) ให้ลูกฟัง

ผมบอกว่า ซื้อไก่ 35 บาท ค่าไก่ 15 บาท ที่เหลือเป็นค่าลิขสิทธ

ไก่แม่ค้าที่ถูกเพราะไม่มีค่าลิขสิทธิ ใบตองที่ห่อขนมไทย ไม่มีลิขสิทธิ

มันเป็นวัสดุธรรมชาติ ย่อยสลายได้ไม่ถึง 3 เดือน

ขนมต่างชาติ ห่อสวย แพง เพราะยี่ห้อมันมีลิขสิทธิ

เวลามันหล่นที่พื้น ไม่มีคนเก็บมันจะย่อยสลายภายใน 200 ปี

ผมสอนแบบนี้ ลูกผมเปลี่ยนวัฒนธรรมไปเลย ผมทำได้และได้ทำแล้ว

ปล.ใคร่จะขอกรุณาช่วยนำบทความไปเผยแพร่ต่อ จะเป็นพระคุณมากครับ

ยาวไปหน่อย แต่อยากให้อ่าน เพื่อที่ไทยเราจะได้อยู่รวมเป็นชาติไทยต่อไป

** เมื่อกี้ดูที่นี่ประเทศไทย เปิดเพลงชาติให้ฟัง ไม่เคยฟังแล้วรู้สึกว่าอยากร้องไห้เท่าวันนี้เลย

ฟังแล้วเห็นภาพที่คนไทยทั้งประเทศ ช่วยกันช่วยเหลือพี่น้องชาวใต้

แต่อยากจะขออีกอย่างหนึ่งคือรักชาติหน่อย ช่วยกันหน่อยครับ

ซื้อสินค้าไทย เลิกได้แล้วกับการซื้อของแบรนเนม มันจะทำให้ชาติล่มจม
จุดจบประเทศไทย



ความคิดเห็นที่ 19
ผมเคยได้รับทราบบ้างว่า
1. รัฐบาลชุดนี้ พายามล้มล้างสถาบันศสนาและพระมมหากษัตรย์ เพื่อสถาปนาระบบการปกครองแบบประธานนาธิบดี ดังนั้น สิ่งที่ต้องกระทำ คือ ทำอย่างไรให้ทั้ง 2 สถาบันอ่อนแอและสับสน ดังนั้น รัฐบาลจึงแต่งตั้งสมเด็จเกี่ยว เป็นสังฆราชฃองค์ที่ 2 และพายามสร้างความขัดแย้งให้เกิดระหว่างสถาบันทางการเมือง (ที่ตนเองแทรกแซงและครอบงำ) ด้วยการส่งพวกพ้องตัวเองเข้ามาเป็นองค์กรอิสระทั้งปวง และเสนอชื่อเกล้าให้พระเจ้าอยู่หัวลงนาม เพื่อ
- หากพระเจ้าอยู่หัวลงนาม ก็จะอ้างได้ว่าทุกคนมีความชอบธรรม
- หากพระเจ้าอยู่หัวไม่ลงนาม ก็จะทำเป็นความขัดแย้งระหว่างสถาบันพระมหากษัตรย์ กับสถาบันทางการเมือง ซึ่งเมื่อเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ย่อมอาจทำให้ผู้คนเริ่มเบื่อหน่าย ประกอบกับมีคนพยายามใช้ web site ในต่างประเทศที่ใส่ร้ายป้ายสีสถาบันพระมากษัตรย์

สิ่งเหล่านี้ จะทำให้ทั้งสถาบันศาสนาและสถาบันพระมหากษัตรย์อ่อนแอ และเสี่ยงต่อการถูกโค่นล้มได้ ในขณะเดียวกัน เพื่อเป้นการรับประกันความามั่นคงของรัฐบาล รัฐบาลจะส่งคนของตนมานั่งเป็น CEO ของบริษัทยักษ์ใหญ่ทางเศรษฐกิจของประเทศ เพื่อป้องกันการปฏิวัติ ในขณะเดียวกัน เพื่อใช้เงินจำนวนมากแสวงหาการสนับสนุนจากกองทัพนอกประเทศ ในกรณีที่มีการปฏิวัติในประเทศ

ผมอยากเตือนทุกท่านว่า คำว่า "คอมมิวนิสต์กลับใจ" ผมไม่มั่นใจนักว่าจะจริงเพียงใด แต่พฤติกรรมวันนี้ บ่งบอกว่าอดีตคอมมิวนิสต์ อยู่ในรัฐบาลชุดนี้ จำนวนมาก แนวความคิดเรื่องการเปลี่นแปลงการปกครองไม่เคยหายไปจากหัวสมงพวกเขา ทุกคนต้องช่วยกันคิดว่า
- จะทำอย่างไร นอกจากการสนับสนุนคุณสนธิ+คุณสโรชา ให้เปิดเผยความจิงให้มากขึ้น (ตอนนี้ผมนอนไม่หลับ เพราะเป็นห่วงบุคคลท้ง 2 มาก เราจะมีส่วนช่วยคุ้มครองความปลดภัยของเขาทั้ง 2 คนได้อย่างไร นอกจากการสวดมนต์ ภาวนาให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง) เราจะมีส่วนในการกำจัดพวกเลวทรามเหล่านี้
- ให้ทุกคนตระหนักและทราบพิษภัยของรัฐบาลชุดนี้ที่จะล้มล้างสถาบันศาสนาและพระมหากษัตรย์
- ผมทราบว่าเคยมีนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ที่ล่วงลับไปแล้ว (เพราะถูกรัฐบาลสั่งเก็บหรือเปล่า ไม่รู้) เคยทำรายงาน เรื่อง "แผนการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตรย์ และจัดโครงสร้างกองทัพใหม่ ของ พ.ต.ท. ทัก-ณ ชิ-วั-" ผมพยายามสืบเสาะหารายงานฉบับนั้น แต่ไม่ทราบจะหาได้จากที่ใด ผู้ใดที่ทราบหรือมีเบาะแส ช่วย post เข้ามาด้วยว่าจะหาได้จากที่ใด

ทุกวันผมไม่สบายใจอย่างยิ่ง และกังวลกับปัญหาบ้านเมือง โดยเฉพาะในนาคตันใกล้ เราะจะยังมีประเทศไทย ของคนไทยหรือไม่ หรือ มีแต่พื้นที่ที่คนไทยเป็นทาสให้ต่างชาติ หรือ นายทุตรเลวๆจำนวนมาก ยึดไป

ช่วยชาติด้วย
ช่วยชาติด้วย

http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9480000163635